กลุ่มแกนนำนักศึกษา ประธานภาควารสารศาสตร์ ม.กรุงเทพ สามรุ่นยืนยัน ‘เจอาร์ยังไม่ตาย’ พร้อมชี้ผู้เรียนต้องปรับตัวตามสื่อที่เปลี่ยนแปลงไป
การเรียนรู้ด้าน ‘วารสาร ฯ ตายแล้วหรือยัง’ เป็นคำถามที่ได้ยินบ่อยในแวดวงการศึกษาด้านวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน เนื่องจากการเข้ามาของสื่อออนไลน์ อันเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้สื่อสิ่งพิมพ์ เช่น หนังสือพิมพ์ นิตยสาร เกิดความความเปลี่ยนแปลง ปรับตัว พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ก้าวเข้าสู่พื้นที่ออนไลน์ เพื่อเข้าถึงผู้อ่านในโลกยุคดิจิทัลให้มากขึ้น
บ้านกล้วย ได้สัมภาษณ์ กลุ่มแกนนำนักศึกษา ประธานภาควารสารศาสตร์ ประจำปีการศึกษา 2560 และประธานภาควารสารศาสตร์ดิจิทัล ประจำปีการศึกษา 2562 และ 2563 คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เพื่อสำรวจแนวคิดเกี่ยวประเด็นดังกล่าว
![](https://baankluayonline.bu.ac.th/wp-content/uploads/2019/12/2-4.jpg)
ปราณ บรรณาธรรม อดีตนักศึกษา ประธานภาควารสารศาสตร์ ปี 2560 ศิษย์เก่าคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ปัจจุบันทำงานในกองบรรณาธิการนิตยสารเอสไควร์ กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงของวงการวารสารศาสตร์ เกิดจากพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป เพราะมีการรับข้อมูลข่าวสารผ่านออนไลน์มากกว่าการรับสารในช่องทางดั้งเดิม ดังนั้นองค์กรสื่อจึงต้องเปลี่ยนรูปแบบการนำเสนอข่าวสารจากสื่อสิ่งพิมพ์สู่สื่อออนไลน์ ส่งผลไปยังการปรับหลักสูตรวิชาวารสารศาสตร์และการสื่อสารมวลชนในสถาบันอุดมศึกษาต่าง ๆ ทั้งนี้สถานศึกษาหลายแห่งก็กลับมาทบทวนการจัดการเรียนการสอนด้านวารสารศาสตร์ และมุ่งเน้นการเพิ่มทักษะการเรียนรู้ในด้านต่าง ๆ มากขึ้น โดยไม่ยึดติดกับช่องทางในการสื่อสาร แต่มีหัวใจสำคัญที่เน้นการผลิตเนื้อหา ซึ่งเมื่อสำเร็จศึกษา จะเป็นบุคลากรที่มีความรู้และความสามารถรอบด้าน
สำหรับ กรณีที่มีการตั้งคำถามว่า ‘วารสารศาสตร์ตายแล้วหรือยัง’ อดีตนักศึกษาประภาคภาควารศาสตร์ ประจำการศึกษาปี 2560 กล่าวว่า งานทางด้านวารสารศาสตร์ยังไม่ได้สูญหาย เพราะเราให้ความสำคัญกับการเล่าเรื่อง นำเสนอข้อมูลที่ถูกต้อง และมีความน่าเชื่อถือ
ทั้งนี้ นายปราณ ยืนยันว่า นักวารสารศาสตร์ยังคงเป็นหัวใจหลักสำคัญในการนำเสนอข่าวสาร เนื่องจากผ่านการบ่มเพาะจากรายวิชาที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนเป็นบุคลากรด้านการสื่อสารมวลชนที่มีคุณภาพตามหลักจรรยาบรรณวิชาชีพ คำนึงถึงความถูกต้อง และรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งถือเป็นหลักการสำคัญของการเป็นผู้ส่งสาร
“สิ่งที่ควรระลึกถึงเสมอ คือความมีคุณภาพของนักผลิตคอนเทนต์ ในเมื่อจบจากสาขาทางด้านวารสารศาสตร์แล้ว เราควรผลิตเนื้อหาที่มีคุณภาพ ถูกต้องตามหลักจรรยาบรรณวิชาชีพ ความจริง ความซื่อตรง และมีความรับผิดชอบต่อสังคม” นายปราณ บรรณาธรรม กล่าว
![](https://baankluayonline.bu.ac.th/wp-content/uploads/2019/12/6-3.jpg)
![](https://baankluayonline.bu.ac.th/wp-content/uploads/2019/12/5-3.jpg)
ด้าน กิตติภูมิ นิ่มเนียม นักศึกษาประธานภาควารสารศาสตร์ดิจิทัล ประจำปีการศึกษา 2562 มีความเห็นสอดคล้องกับประธานภาควารสารศาสตร์ ปี 2560 ที่มองว่า วารสารศาสตร์ในอดีตและปัจจุบัน ต่างกันที่ช่องทางการสื่อสาร ซึ่งแก่นจริง ๆ ยังคงใช้ความรู้และความสามารถแบบเดิมที่ถูกดึงออกมาจากตัวนักศึกษา โดยผู้เรียนต้องปรับตัวในการเรียนรู้ และสามารถใช้สื่อนำเสนอเนื้อหาในรูปแบบใหม่
นอกจากนี้ยังมองว่าการได้ใช้สื่อใหม่ มีความง่ายและสะดวกรวดเร็ว เพราะเทคโนโลยีสร้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกแก่มนุษย์ ทำให้เราสื่อสารได้อย่างรวดเร็ว แต่สิ่งสำคัญคือคุณภาพของข้อมูลข่าวสารที่นำเสนอ สำหรับวารสารศาสตร์ถือเป็นอีกหนึ่งสาขาวิชาที่จำเป็นต้องปรับตัวให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา จึงต้องเปลี่ยนแปลงหลักสูตรอยู่เสมอ เพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ถึงนวัตกรรมใหม่
“วารสารศาสตร์ คือ การรู้จักนำเสนอข้อมูล รู้จักเล่าเรื่อง เราเล่าเรื่องผ่านสื่อหลากหลาย ทั้งการเขียน การถ่ายภาพ การทำคลิปวิดีโอ การทำงานด้านกราฟฟิค ขึ้นอยู่ว่านักวารสารศาสตร์จะเลือกนำเสนอผ่านสื่อรูปแบบใด ดังนั้นการเรียนรู้การผลิตเนื้อหา และการเข้าใจของผู้บริโภคจึงเป็นเรื่องสำคัญ” นายกิตติภูมิ นิ่มเนียม กล่าว
ขณะที่ ฐิติกานต์ สัตยาภักดีวงศ์ นักศึกษาประธานภาควารสารศาสตร์ดิจิทัล ปี 3 ได้เปิดเผยว่า ในรุ่นของเรามีการเรียนที่เน้นการลงมือปฏิบัติจริง มีการได้ทำคอนเทนต์ลงเฟซบุ๊กแฟนเพจ BU HUB, บ้านกล้วยออนไลน์ ได้ฝึกทำงานจริงตั้งแต่ยังเรียน เหตุผลที่เข้ามาเรียนสาขาวารสารศาสตร์ดิจิทัลนั้น เพราะตนเองชอบอ่าน ชอบเขียน และยังชอบเรียนภาษาที่สาม โดยเฉพาะภาษาจีน จึงมีความคิดว่าอยากจะเขียนหนังสือสักเล่มหนึ่ง และใช้ภาษาจีนที่ตนเองเรียนมาประกอบด้วย
![](https://baankluayonline.bu.ac.th/wp-content/uploads/2019/12/4-4.jpg)
การเรียนของรุ่นพี่กับรุ่นตนเอง มีความแตกต่างค่อนข้างมาก เพราะปัจจุบันได้มีปรับบทเรียนแทบทั้งหมดให้เข้ากับยุคดิจิทัล โดยมีสื่อออนไลน์เป็นช่องทางหลักในการศึกษา เนื่องจากผู้บริโภคมีการเปลี่ยนรูปแบบการเสพสื่อ จากหนังสือเป็นช่องทางออนไลน์ หลักสูตรใหม่จึงปรับเข้าหาโลกออนไลน์มากขึ้น
ส่วนประโยคที่ว่า ‘วารสารศาสตร์กำลังจะตาย’ ส่วนตัวไม่เห็นด้วย เนื่องจากถือเป็นแค่การปรับตัวของวงการวารสารศาสตร์ให้เข้าสู่ยุคออนไลน์มากขึ้น แสดงให้เห็นว่าเป็นการปรับตัวเพื่อพัฒนาให้อยู่รอดและเป็นไปในทิศทางที่ดี อีกทั้งการเรียนวารสารศาสตร์มีการพัฒนาหลายทักษะที่สำคัญ เช่น การเรียนเขียนข่าว การเขียนในสื่อหลากหลายประเภท การเขียนทางออนไลน์ มีทั้งเนื้อหาหนักเบา ในด้านอื่น ๆ การตัดต่อ การถ่ายภาพ ทำกราฟฟิค เราต้องทำให้ได้ทุกอย่าง นักข่าวในปัจจุบันก็ไม่ได้ทำเพียงเเค่เขียนข่าว แต่ต้องมีทักษะในด้านอื่น ๆ ประกอบกัน เพื่อให้ชิ้นงานออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด และนำเสนอเนื้อหาที่มีคุณภาพสู่สังคม
![](https://baankluayonline.bu.ac.th/wp-content/uploads/2019/12/3-3.jpg)
“เราได้เรียนรู้ทฤษฎี และยังได้ลงมือทำจริง โดยส่วนตัวมองว่าการเรียนรู้เทคโนโลยีที่เป็นสื่อใหม่ ไม่ได้แสดงว่าสื่อเก่าตายไปแล้ว แต่คือการปรับตัวและพัฒนาวิชาชีพให้ดีขึ้น อย่างปัจจุบันนักข่าวคนเดียวก็ต้องมีทักษะทั้งการเขียนข่าว การคิด การจับประเด็น มีความรู้เรื่องสังคม มองโลกกว้างขึ้น ความรู้ด้านภาษาก็จำเป็น และเพิ่มเติมทักษะอื่น ๆ ที่รอบด้าน เพื่อยกระดับงานให้มีคุณภาพสูงสุด และเป็นประโยชน์ต่อผู้รับสารและสังคมต่อไป”
ดังนั้นสิ่งที่จะทำให้นักวารสารศาสตร์อยู่รอดต่อไปในสนามสื่อได้ก็คือการทำงานด้วยใจรัก พร้อมตระหนักถึงจรรยาบรรณวิชาชีพ คำนึงถึงความถูกต้อง และรับผิดชอบต่อสังคม ควบคู่ไปกับการเรียนรู้เทคโนโลยีการสื่อสารรูปแบบใหม่ เพื่อสามารถนำสิ่งเหล่านี้มาใช้ประกอบอาชีพในอนาคต และยืนยันถึงบทบาทการเป็น นักวารสารศาสตร์ หรือ นักเล่าเรื่องสังคม ที่มีคุณภาพต่อไปในอนาคต
Additional Information
ผลงานชิ้นนี้