“ความรักเป็นบางสิ่งบางอย่างที่ดีงามโดยแท้ เป็นบางสิ่งบางอย่างที่แข็งแกร่ง เป็นจริงจนเป็นไปไม่ได้สำหรับเราผู้รักจะถอนความรู้สึกนั้นคืน เฉกเช่นการปลิดชีวิตตัวเอง”
เป็นคำพูดที่จิตรกรระดับโลกอย่าง ฟินเซนต์ ฟัน โคค หรือที่เรามักเรียกกันติดปากว่า วินเซนต์ แวนโก๊ะห์ (Vincent van Gogh) เคยกล่าวเอาไว้ แวนโก๊ะห์ เป็นศิลปินชาวดัชต์ในยุคโพสต์อิมเพรสชั่นนิสม์ (Post-Impressionism) ผู้ยิ่งใหญ่มากที่สุดคนหนึ่งของวงการศิลปะสมัยใหม่ตะวันตก โดยเขาใช้เวลาเพียง 10 ปีในปลายศตวรรษที่ 19 รังสรรค์ภาพจิตรกรรมระบายสีมากกว่า 930 ภาพ 1,100 ภาพวาดเส้นและภาพร่าง รวมแล้วมากกว่า 2,100 ภาพ
Xanthopsia, Xanthophile เบื้องหลังความหลงไหลในสีเหลืองของแวนโก๊ะห์
“สีเหลืองช่างเป็นสีที่วิเศษ สีนี้คือตัวแทนของดวงอาทิตย์” – Vincent van Gogh
วินเซนต์ แวนโก๊ะห์ เริ่มใช้สีเหลืองในผลงานอย่างเห็นได้ชัดในปี 1888 โดยมีผลงานของเขาหลายต่อหลายชิ้นที่มีสีเหลืองเป็นองค์ประกอบหลัก ไม่ว่าจะเป็น Still Life : Vase with Fifteen Sunflowers, ระเบียงคาเฟ่ยามราตรี Café Terrace, บ้านสีเหลือง The Yellow House และ Arles View from the Wheatfields
ถึงอย่างนั้น เบื้องหลังของภาพวาดที่เต็มไปด้วยสีเหลืองของศิลปินคนนี้ก็ยังมีเรื่องเล่าอีกว่า แวนโก๊ะห์เคยกินสีเหลืองเข้าไปเพราะคิดว่ามันจะทำให้ตัวเขามีความสุขได้ อ้างอิงจากในตอนที่แวน โก๊ะรักษาตัวอยู่ที่แซ็งต์-เรอมี (Saint-Remy) หมอที่รักษาอาการของเขาได้บันทึกไว้ว่าเขาต้องการวางยาตัวเองด้วยการกินสีและดื่มน้ำมันสน หมอจึงสั่งห้ามไม่ให้เขาเข้าสตูดิโอ
อย่างไรก็ตาม ก็มีเรื่องเล่าว่าคุณหมอกาเชต์ (Dr. Gachet) ผู้รักษาแวนโก๊ะห์ในช่วงไม่กี่เดือนก่อนที่เขาจะเสียชีวิต ได้ให้เขาทานยาแก้โรคหัวใจที่สกัดจากต้นฟ็อกซ์ กลัฟ ทำให้มีผลข้างเคียงทำให้มองเห็นเป็นสีเหลืองและฟ้า หรือบ้างก็ว่าไม่เกี่ยวกับการรักษา แต่เป็นความผิดปกติทางสายตาของแวนโก๊ะห์เองที่เป็นโรค Xanthopsia ทำให้มองเห็นภาพเป็นสีเหลือง
The sadness will last foreve ศิลปินผู้เผชิญหน้ากับภาวะซึมเศร้า
ตลอดช่วงชีวิตของ วินเซนต์ แวนโก๊ะห์ ไม่เคยได้รับการยอมรับจากสังคม เขาต้องเผชิญหน้ากับภาวะซึมเศร้า ความอาภัพ ประสบกับปัญหาสภาพจิตใจที่ปั่นป่วนต้องเข้าโรงพยาบาลจิตเวชอยู่หลายครั้ง แวนโก๊ะห์ถูกคำครหาต่าง ๆ นานา ทั้งยังขัดแย้งกับเพื่อน มีความรักที่ไม่สมหวัง และมีอาการของโรควิตกกังวล
จนกระทั่ง ปี 1880 แวนโก๊ะห์ได้เขียนจดหมายมาบอกกับเธโอ น้องชายของเขาว่า ตัวเขาค้นพบแล้วว่า ศิลปะคือทุกสิ่งทุกอย่างของเขา และเข้ามาแทนที่สิ่งอื่น ๆ จนหมด เขาใช้เวลาเพื่อศึกษามันด้วยตนเองอย่างจริงจัง ก่อนหน้านั้นเขาเคยเขียนรูปมาบ้างแต่ไม่จริงจังเท่าไหร่ แต่ต่อจากนี้ไปมันคือชีวิตจิตใจของเขา
จากชีวประวัติที่ผ่านมาของแวนโก๊ะห์ ยังมีเรื่องที่เขาได้ตัดใบหูข้างขวาของตัวเอง ซึ่งจนถึงตอนนี้ก็ยังมีข้อถกเถียงถึงสาเหตุความเป็นมา โดยสมมติฐานแรกปรากฏในวรรณกรรมเรื่อง Lust for Life ของ Irving Stone และชีวประวัติกระแสหลัก ของแวนโก๊ะห์ กล่าวถึง โสเภณีที่แวนโก๊ะห์หลงรัก จับใบหูของแวนโก๊ะห์แล้วพูดเล่นว่า “อยากได้เก็บไว้เป็นที่ระลึก” วันต่อมาเขาจึงตัดใบหูของตัวเองใส่กล่องของขวัญผูกโบว์อย่างสวยงาม แล้วนำไปมอบให้
สมมติฐานที่สองปรากฏในวรรณกรรมเรื่อง The Gold of their Bodies ของ Charles O. Gorham และชีวประวัติกระแสหลักของ ปอล โกแกง (Paul Gauguin) จิตรกรระดับโลก เพื่อนรักของแวน โก๊ะห์ โดยเล่าว่าทั้งสองทะเลาะกันอย่างรุนแรง จนแวน โก๊ะห์ต้องการจะตัดหูโกแกง แต่เมื่อไม่สามารถตัดหูเพื่อนรักได้ เขาจึงตัดใบหูของตัวเองแทน
หรือยังมีสมมติฐานอื่น ๆ อย่างแวน โก๊ะห์ตัดหูของตนเองเพื่อประชดโสเภณีที่เขาหลงรัก หรือคนที่ตัดหูแวน โก๊ะห์จริง ๆ แล้วเป็นโกแกง เพราะทั้งคู่มีปัญหาเรื่องการชอบโสเภณีคนเดียวกัน ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นสมมติฐานเท่านั้น
ในช่วงสุดท้ายของชีวิต แวน โก๊ะห์ได้ตัดสินใจจบชีวิตตนเองด้วยการยิงปืนเข้าที่ซี่โครงซ้าย ก่อนที่จะเสียชีวิตในเวลาต่อมาด้วยวัย 37 ปี เพราะสภาวะจิตใจและความเครียด โดยก่อนที่แวน โก๊ะห์จะสิ้นใจ ประโยคสุดท้ายที่เขาได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ก็คือ “The sadness will last forever ความโศกเศร้าจะคงอยู่ชั่วนิรันดร์”
What done in love is done well ผลงานอันเลื่องชื่อของศิลปินผู้ล่วงลับ
ถึงแม้ปัจจุบัน วินเซนต์ แวนโก๊ะห์ จะเป็นถึงศิลปินเอกที่มีคนรู้จักไปทั่วโลก แต่ในตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ เขาถูกมองว่าเป็นคนล้มเหลว ไม่ประสบความสำเร็จ เมื่อแวนโก๊ะห์จากไป เขาเริ่มที่จะมีชื่อเสียงมากขึ้นเรื่อย ๆ ในแวดวงของศิลปะ ศิลปิน และบุคคลทั่วไป ผลงานของเขากลายเป็นหนึ่งในงานศิลปะที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก ชื่อเสียงที่โด่งดังของเขาสถิตอยู่ในภาพจำของสาธารณชนในฐานะอัจฉริยบุคคลผู้ถูกมองข้าม ถึงกับมีคำกล่าวที่ว่า แวนโก๊ะห์เป็นศิลปิน “ผู้ซึ่งวาทกรรมเรื่องความบ้าคลั่งและความสร้างสรรค์มีเส้นคั่นอยู่บาง ๆ” (where discourses on madness and creativity converge)
ผลงานของเขาที่ขึ้นชื่อเรื่องราคาแพงและความโด่งดังจนใครต่อใครก็รู้จัก อาทิ ภาพดอกทานตะวัน (Sunflowers), ภาพราตรีประดับดาว (The Starry Night), ระเบียงคาเฟ่ยามราตรี (Café Terrace at Night), ภาพวาดตนเอง (Self-Portrait) และอื่น ๆ อีกมากมาย
Van Gogh Museum พิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะห์
พิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะห์ (Van Gogh Museam) ตั้งอยู่ที่เมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ก่อตั้งขึ้นในปี 1973 เป็นแหล่งรวบรวมผลงานของ วินเซนต์ แวนโก๊ะห์ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีคอลเลคชั่นถาวรที่ประกอบด้วยภาพเขียน 200 ภาพ, 500 ภาพวาด จดหมายส่วนตัวมากกว่า 700 ฉบับ และคอลเลคชั่นภาพพิมพ์จากประเทศญี่ปุ่น ทำให้พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นหนึ่งในพิพิธภันฑ์ที่ได้รับความนิยมที่สุดในโลก
แต่เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบันที่ทั่วโลกยังเผชิญหน้ากับวิกฤติไวรัสที่คร่าชีวิตผู้คนนับไม่ถ้วนอย่าง COVID-19 ทำให้เมืองอัมสเตอร์ดัมประกาศสั่งปิดให้บริการของสถานที่ทางวัฒนธรรมต่าง ๆ ไปจนถึง 1 มิถุนายน 2563 และแน่นอนว่ารวมไปถึงพิพิธภันณฑ์แวนโก๊ะห์แห่งนี้
อย่างไรก็ตาม ทางพิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะห์ได้เปิดให้คนทั่วไปทั่วทุกมุมโลก เข้าชมพิพิธภัณฑ์และผลงานของแวนโก๊ะห์ผ่านทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการเดินชมรอบพิพิธภันฑ์ผ่าน Street View ใน Google Map เข้าชมเว็บไซต์หลักของพิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะห์ได้ที่ https://www.vangoghmuseum.nl/en
อีกทั้งการชมผลงานอย่างใกล้ชิดจากเว็บไซต์หลักของพิพิธภัณฑ์ โดยเราสามารถเลือกชมผลงานที่ชื่นชอบ สามารถมองเห็นรายละเอียด ความบรรจง เจตนารมณ์ และตัวตนของแวนโก๊ะห์ที่อยู่บนแปรงพู่กันได้อย่างใกล้ชิด เสมือนตนเองได้ไปเดินอยู่ในพิพิธภัณฑ์เลื่องชื่อในอีกฝากฝั่งของโลก
อีกทั้งพิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะ ยังได้จัดแสดงนิทรรศการออนไลน์ “Which Books did Vincent van Gogh Read?” ที่แสดงตัวตนความเป็นคนรักการอ่านหนังสือของวินเซนต์ แวนโก๊ะห์ ที่ซุกซ่อนอยู่ในผลงานต่าง ๆ และ “Vincent van Gogh’s Love Life” เรื่องราวชีวิตรักของแวนโก๊ะห์ ในอีกหลายแง่มุม
ปัจจุบันผลงานมากมายของวินเซนต์ แวนโก๊ะห์ ได้กระจัดกระจายอยู่ตามพิพิธภัณฑ์ แกลลอรี่ หรือคอลเลคชั่นสะสมส่วนบุคคล ทั่วทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็น เนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา เป็นต้น ซึ่งการที่จะรวมบรรดาภาพวาดต่าง ๆ มาจัดแสดงในสถานที่เดียวนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ นอกเสียจากการจัดแสดงแบบนิทรรศการดิจิทัลมัลติมีเดีย
Van Gogh. Life and Art ครั้งแรกในประเทศไทย
ล่าสุด River City Bangkok ได้นำเสนอนิทรรศการมัลติมีเดียของหนึ่งในบุคคลที่มีชื่อเสียงและทรงอิทธิพลที่สุดในประวัติศาสตร์ศิลปะตะวันตกอย่าง วินเซนต์ แวนโก๊ะห์: “Van Gogh. Life and Art” จัดแสดง ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะดิจิทัลกรุงเทพ (MODA) ที่กำลังจะมาถึงในเดือนมิถุนายนนี้ และจัดแสดงยาวไปถึงสิ้นปี 2563
นิทรรศการ “Van Gogh. Life and Art” เคยถูกจัดแสดงมาแล้วใน 8 เมือง ได้แก่ เบอร์ลิน, มอสโก, เซ็นต์ ปีเตอร์สเบิร์ก และเมืองต่าง ๆ ในประเทศซาอุดิอาระเบีย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่จะจัดขึ้นในประเทศไทย
ภายในงานจะจัดแสดงผลงานภาพวาดของแวนโก๊ะห์ มากกว่า 300 ภาพ ในความยาว 40 นาที ผลงานศิลปะที่เป็นที่เลื่องลือไปทั่วโลกของจิตรกรเอกผู้นี้จะเปิดให้เข้าชมวันแรกในวันที่ 4 มิถุนายน ไปจนถึง 31 ธันวาคม 2563 ที่ MODA Gallery ชั้น 2 ณ River City Bangkok
Loving Vicent ภาพสุดท้ายของแวนโก๊ะ
Loving Vincent ภาพสุดท้ายของแวนโก๊ะ (2017) เป็นภาพยนตร์แอนิเมชันแนวชีวประวัติของ วินเซนต์ แวนโก๊ะห์ ที่ถูกถ่ายทอดผ่านรูปวาดสีน้ำมันเป็นเรื่องแรกของโลก โดยความพิเศษของภาพยนตร์เรื่องนี้นั้น ทั้งเรื่องถูกสร้างสรรค์จากแปรงพู่กันของศิลปิน 115 ชีวิต ภาพวาพสีน้ำมันทั้งหมด 65,000 เฟรม ที่จะต้องใช้สีน้ำมันมากกว่า 3,000 ลิตร และผ้าใบแคนวาสมากกว่า 1,000 ใบ ที่ร้อยเรียงภาพวาดที่ได้รับแรงบันดาลใจและดัดแปลงมาจากงานภาพวาดและจดหมายกว่า 800 ฉบับของแวนโก๊ะห์
ณ วันนี้ วินเซนต์ แวนโก๊ะห์ ยังคงเป็นหนึ่งในศิลปินที่มีชื่อเสียงและโด่งดังมากที่สุดในโลก ที่แม้แต่คนที่ไม่มีความรู้อะไรเกี่ยวกับวิจิตรศิลป์ใดใด ก็ยังสามารถรับรู้และจำแนกได้ถึงศิลปะของเขาได้ ผลงานของเขายังคงสะท้อนและแสดงถึงตัวตน เจตนารมณ์ ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของผู้ชายคนหนึ่งที่เทิดทูนศิลปะมากกว่าสิ่งใด และจะเป็นตำนานในประวัติศาสตร์ศิลปะไปตลอดกาล
“ผมขอตายไปกับความหลงใหล ดีกว่าตายไปกับความเบื่อหน่าย” I would rather die of passion than of boredom. – Vincent van Gogh
ด้วยรักและรำลึกถึง วินเซนต์ แวนโก๊ะห์ (Vincent van Gogh) ศิลปินผู้ล่วงลับไปแล้วนับ 130 ปีแต่ยังสร้างแรงบันดาลใจให้ข้าพเจ้าในวันนี้
Reference & Bibliography
- ฟินเซนต์ ฟัน โคค, วิกิพีเดีย, สืบค้นเมื่อ 4 เมษายน 2563, จาก https://th.wikipedia.org/wiki/ฟินเซนต์_ฟัน_โคค
- พิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะ, iamsterdam, สืบค้นเมื่อ 4 เมษายน 2563, จาก https://www.iamsterdam.com/nl/zien-en-doen/musea-en-galeries/musea-in-amsterdam/van-gogh-museum
- อยู่บ้านก็เสพศิลป์ได้ กับ Google Arts & Culture ดื่มด่ำไปด้วยกันพิพิธภัณฑ์ออนไลน์ทั่วโลก, zipevent, สืบค้นเมื่อ 4 เมษายน 2563, จาก https://www.zipeventapp.com/blog/2020/04/01/google-arts-and-culture
- Van Gogh. Life and Art, River City Bangkok, สืบค้นเมื่อ 4 เมษายน 2563, จาก https://rivercitybangkok.com/blog/2020/03/van-gogh-life-and-art
- Vincent Van Gogh’s Sunflowers : ไขความลับ “ดอกทานตะวัน” ของ ‘แวน โก๊ะ’, Urban Creative, สืบค้นเมื่อ 4 เมษายน 2563, จาก https://urbancreature.co/vincent-van-goghs-sunflowers
- ปริศนาภาพวาดของแวนโก๊ะ ! เขาตัดใบหูข้างไหน ?, Workpoint News, สืบค้นเมื่อ 4 เมษายน 2563, จาก https://workpointnews.com/2018/05/31/ปริศนาภาพวาดของแวนโก๊ะ
- ข้างหลังภาพสีเหลืองของแวนโก๊ะ, River City Bangkok, สืบค้นเมื่อ 4 เมษายน 2563, จาก https://www.facebook.com/RiverCityBangkok/photos/pcb.1886563524806942/188656236814
- ปริศนาภาพวาดของแวนโก๊ะ ! เข้าตัดหูข้างไหน, สืบค้นเมื่อ 5 เมษายน 2563, จาก https://workpointtoday.com/ปริศนาภาพวาดของแวนโก๊ะ
- Loving Vincent ภาพสุดท้ายของแวนโก๊ะ, วิกิพีเดีย, สืบค้นเมื่อ 5 เมษายน 2563, จาก https://th.wikipedia.org/wiki/ภาพสุดท้ายของแวนโก๊ะ
- Van Gogh Museum. สืบค้นเมื่อ 5 เมษายน 2563, จาก https://www.vangoghmuseum.nl/en
- River City Bangkok. สืบค้นเมื่อ 5 เมษายน 2563, จาก www.rivercitybangkok.com
- Unsplash. สืบค้นเมื่อ 5 เมษายน 2563, จาก https://www.unsplash.com
- เว็บไซต์หลักของพิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะห์. https://www.vangoghmuseum.nl/en
Additional Information
ผลงานชิ้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา CJR413,JR414 Magazine Workshop ภาคการศึกษาที่ 2/2562 คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ อาจารย์ที่ปรึกษา ผศ.ณรงค์ศักดิ์ ศรีทานันท์