แม้การเดินทางไป “คาเฟ่” แทบจะเป็นเรื่องปกติธรรมดาของใครหลายคนไปเสียแล้ว แต่การเดินทางไป The Why Café ของ “จอห์น” ต่างออกไป เพราะการเดินทางครั้งนี้ จอห์นไม่ได้มีรูปภาพเก๋ ๆ ไว้สำหรับโพสต์ลงโซเชียลมีเดียติดมือกลับมา แต่เขากลับเจอคำถามที่ไม่เคยคิดว่าจะถูกถามหรือถามตัวเอง คำถามที่เขาไม่เคยคิดจะหาคำตอบ

The Why Café เขียนโดย John Strelecky แปลโดย ธิดารัตน์ เจริญชัยชนะ คือหนังสือสร้างแรงบันดาลใจผ่านเรื่องเล่าของชายชื่อจอห์นกับการหลงทางไปเจอคาเฟ่ที่นำไปสู่การค้นพบความหมายชีวิต

จอห์นกำลังออกเดินทางไปใช้วันลาพักร้อนเพื่อ “ชาร์จแบต” ให้กับตัวเอง แต่ดันไปเจอรถติดยาวจากอุบัติเหตุบนทางหลวง เขาไม่อยากทนรออีกต่อไป จึงตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทาง หันหลังให้กับจุดหมายเดิม โดยหวังจะไปหาทางกลับมาใหม่เอาข้างหน้า แต่ปรากฏว่า เขาหลงทาง…หลงไปไกลเสียจนแทบจะหลุดไปอีกมิติหนึ่ง เขาหลงทางไปเจอ The Why Café หรือชื่อเต็ม ๆ ว่า The Why Are You Here Café ที่ที่มีแสงสว่าง สิ่งมีชีวิต อาหาร เพียงแห่งเดียวท่ามกลางความเงียบสงัด มืดมิดที่เขาเพิ่งผ่านพ้นมา

จอห์นหยิบเมนูอาหารขึ้นมาอ่านหลังจากเลือกที่นั่งในคาเฟ่ได้ แต่เมื่อพลิกไปด้านหลังของเมนูนั้น เขากลับไม่เจอรายการอาหารใด ๆ เลย นอกจากคำถามสามข้อที่ว่า เหตุใดคุณจึงมาที่นี่ ? คุณกลัวตายไหม ? คุณพึงพอใจกับชีวิตหรือยัง ?

แทนที่จะอ่านข้อความเหล่านั้นไปแบบผ่าน ๆ “เคซีย์” บริกรของร้านแนะให้จอห์นลองเปลี่ยนคำถามจาก “คุณ” เป็น “ฉัน” แล้วจะพบว่ามุมมองของจอห์นที่มีต่อคำถามเหล่านี้เปลี่ยนไป จอห์นลองทำตามคำแนะนำนั้น และเริ่มครุ่นคิด ค้นหาคำตอบให้กับตัวเอง โดยในระหว่างที่ทานอาหารไปนั้น จอห์นได้พูดคุยกับ เคซีย์ บริกรสาว “ไมค์” เจ้าของร้านที่ควบตำแหน่งเชฟไปด้วย และ “แอนน์” ลูกค้าอีกคนในร้าน บทสนทนาเหล่านั้นนำเขาไปสู่การทบทวนกับตัวเองถึงเป้าหมายในชีวิตและวิธีการใช้ชีวิตที่ผ่านมา รวมไปถึงการค้นพบที่สำคัญคือการจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไรในอนาคต

เสน่ห์อย่างหนึ่งของหนังสือเล่มนี้ที่เรารู้สึกได้คือ ตัวหนังสือที่แสนเรียบง่ายเหล่านั้นชวนให้เราคิด ตั้งคำถาม และพยายามหาคำตอบไปพร้อม ๆ กับจอห์น รวมทั้งเกิดอาการตาสว่างเมื่อได้อ่านและพบข้อคิดจากเรื่องราวของเต่าตนุ เศรษฐีกับชาวประมง และหญิงสาวนักช้อป ยามที่ไมค์และแอนน์เล่าให้จอห์นฟังเช่นกัน

หนังสือเล่มหนาเพียง 184 หน้านี้ สื่อสารกับเราได้อย่างโดนใจว่าถ้าหากเรารู้เป้าหมายในชีวิตของตัวเองจริง ๆ แล้ว อย่ามัวแต่เสียเวลาไปกับสิ่งอื่นที่ไม่ใช่ เพราะมันไม่มีทางพาเราไปสู่เป้าหมายของชีวิตเราได้ มีแต่จะกัดกร่อนพลังชีวิตและกัดกินพลังใจของเราไปเปล่า ๆ หรือหากเราจะเฝ้าแต่รอว่าเมื่อไหร่จะพร้อม แล้วจึงค่อยเริ่มบ่ายหน้าไปสู่เป้าหมาย วันนั้นเราอาจไม่มีพลังเหลือพอที่จะต่อสู้เพื่อเป้าหมายนั้นได้อีกต่อไป หรือเป้าหมายนั้นอาจไม่อยู่รอเราแล้วก็ได้

เรื่องเล่าจากคาเฟ่แห่งนี้ยังเตือนเราอีกว่า อย่าเอาแต่ก้มหน้าก้มตาทำงานตามไปความเชื่อ วิถีปฏิบัติเดิม ๆ หรือคำบอกเล่าที่พูดต่อ ๆ กันมาว่าทำอย่างนั้นดี ทำอย่างนี้จะก้าวหน้า จนลืมทำในสิ่งที่ตัวเองจะมีความสุข เมื่อใดก็ตามหากงานที่เราทำอยู่นั้นไม่สร้างความสุข เราอาจหันไปพึ่งเงินในการสร้างความสุข (ปลอม ๆ) ด้วยการซื้อของบางสิ่งบางอย่างมาชดเชย ทั้งที่ในความเป็นจริงเราก็อาจจะมีเวลาชื่นชมสิ่งเหล่านั้นได้ไม่นาน เพราะเราต้องกลับไปโหมทำงานหนักกว่าเดิมเพื่อหาเงินมาปลดหนี้จากการซื้อข้าวของเหล่านั้น และมันจะเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ จนเป็นวังวนที่ไม่มีที่สิ้นสุด

ถ้าหากคุณกำลังมองสูตรสำเร็จหรือทางลัดในการดำเนินชีวิต หนังสือเล่มนี้คงไม่ใช่คำตอบ แต่ถ้าหากคุณอยากจะลองหลงทางไปด้วยกันกับจอห์น ไปคุยกับเคซีย์ ไมค์ และแอนน์ หนังสือเล่มนี้อาจจะพาคุณไปเจอคำตอบที่ดี และสูตรสำเร็จในการดำเนินชีวิตที่พิเศษและเฉพาะตัวของคุณเองก็เป็นได้

ขอแนะนำหนังสือเพิ่มเติม

หนังสือ The Why Cafe คาเฟ่สำหรับคนหลงทาง บางครั้งชีวิตทำให้เราหลงทางไปบ้าง…ลองแวะคาเฟ่ข้างทางเพื่อเยียวยาหัวใจ เขียนโดย John Strelecky แปลโดย ธิดารัตน์ เจริญชัยชนะ สำนักพิมพ์ Be(ing) Biblio : It’s not just about books.

The Why Cafe ได้รับการยกย่องให้เป็น The Alchemist แห่งศตวรรษที่ 21 จาก RBA Libros, Spain The Alchemist คือวรรณกรรมแสวงหาสุดคลาสสิก แปลเป็นไทยในชื่อว่า “ขุมทรัพย์ที่ปลายฝัน” เขียนโดย เปาโล โคเอลโญ่

Writer & Photographer

Lifetime reader, full-time lecturer, part-time gardener, sometime traveller.