“สำหรับใครที่อยากลองทำอะไรก็ทำเลยครับ เราไม่มีทางรู้หรอกว่าเราชอบหรือไม่ชอบอะไร ถ้าเรายังไม่ได้ลงมือทำ” คำพูดนี้มาจากปากของเด็กหนุ่มธรรมดาคนหนึ่งที่เราได้มีโอกาสพูดคุยด้วย เพราะเขาเลือกที่จะเปลี่ยนชีวิตจากนักศึกษาธรรมดามาทำงาน Part-time เพื่อหาเงินใช้ด้วยตนเอง

“Grab food สวัสดีครับ” คำทักทายที่คนในยุค New Normal คุ้นหูเป็นอย่างดี และหลายคนก็ต้องรอสายจากเขา เวลาหิว ไม่ว่าจะตอนไหนก็คงเรียกหาเขาคนนี้ แม้จะตัวเล็กแต่เล็กพริกขี้หนูจริง ๆ มิว-พัชรพล ลิมปเจริญค้า เป็นนักศึกษาสาขาวิชาการโฆษณาดิจิทัล คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ที่ปัจจุบันเขาสร้างรายได้จากงานอดิเรกที่เขาชื่นชอบ นั่นคือการขับ Grab มีเงินใช้ส่วนตัวโดยไม่เดือดร้อนครอบครัว

เราขออธิบายเกี่ยวกับ Grab จากข้อมูลที่ค้นคว้ามาได้ดังนี้ “Grab คือแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือที่ให้บริการเรียกรถแท็กซี่ รถยนต์ส่วนบุคคล และรถมอเตอร์ไซค์ ทั้งในส่วนของมอเตอร์ไซค์รับจ้าง การขนส่งสิ่งของ เอกสาร และอาหาร โดยมีจุดมุ่งหมายในการอำนวยความสะดวก และเพิ่มความปลอดภัยด้านการเดินทางให้กับผู้คนในกรุงเทพและจังหวัดใหญ่ ๆ ของประเทศไทย”

แค่เริ่มก็ชนะทุกอย่างแล้ว

ถ้าเรายังรอเวลา ยังรอโอกาสที่เหมาะสม ก็คงไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง เราไม่มีทางพร้อมสำหรับเรื่องอะไรก็ตาม มีเพียงแต่ทำหรือไม่ทำก็เท่านั้นเอง

จุดเริ่มต้นเขาเพียงแค่อยากมีเงินใช้ อยากใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือยบ้าง (เล็กน้อย) เหมือนเด็กทั่วไป แต่ที่ต่างคือเงินนั้นเขาไม่อยากได้จากพ่อแม่หรือครอบครัว เขาอยากใช้มันอย่างสบายใจกับเงินที่หาได้เอง ประจวบเหมาะกับช่วงที่ทุกคนต้องลำบากเพราะ Covid-19 บวกกับปิดเทอมพอดีด้วย จากตอนแรกที่คิดว่าจะขับ Grab ทำเป็นงานเล่น ๆ สนุก ๆ แค่งานอดิเรก แต่ว่าตอนนี้รายได้ที่มีนั้นก็แบ่งเบาภาระครอบครัวได้ส่วนหนึ่งแล้ว

ทำอะไรก็ได้…ขอให้เป็นงานที่สุจริต

งานในลักษณะนี้ ถ้าพูดกันตรง ๆ ปัจจุบันก็มีกันแทบเกลื่อนไปหมด มีหลายค่ายมากมายให้เลือกใช้บริการไม่ว่าจะค่ายสีชมพู สีส้ม และอีกมากมาย เขาเองก็ไม่ได้เลือกอย่างสุ่ม ๆ ก็แอบทำการบ้านมาพอสมควรจากการสอบถามจากพนักงานหลายค่าย

เขาเลือกทำงานกับค่ายสีเขียวอย่าง Grab เพราะให้อิสระในการทำงาน สามารถเลือกทำเวลาที่เราว่างได้ อยากทำงานตอนไหนก็ทำได้หรือถ้าไม่อยากทำงานก็แค่ปิดตัวแอปพลิเคชัน ซึ่งตอบโจทย์กับความที่เป็นนักศึกษาอยู่ด้วย

การลงทุนคือความเสี่ยงแต่ไม่เสี่ยงก็ไม่เห็นกำไร

มิวอธิบายให้เราฟังต่อว่า Grab มีหลากหลายบริการให้เลือกใช้ เช่น GrabBike (Win) JustGrab และ GrabFood การที่จะขับ Grab ได้นั้นตามกฎบริษัทแล้วก็มีหลายขั้นตอน แต่ที่พอจะเล่าให้ฟังได้นั้น คือจะต้องมียูนิฟอร์มตามระเบียบของทางบริษัท มีอุปกรณ์เสริม เช่น กระเป๋าใส่อาหาร เป็นต้น และที่สำคัญต้องมีรถจักรยานยนต์ที่ทำสัญญาอย่างถูกต้องกับบริษัท บริษัทจะอนุญาตให้เราเริ่มทำงานได้โดยไม่มีเครื่องแบบเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ ระหว่างที่รอของจัดส่ง และยังไม่จำกัดขอบเขตพื้นที่การวิ่งงาน เราสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา

อุปสรรคที่ฉายเท่าไหร่ก็ไม่จบ

Covid-19 เป็นอุปสรรคของทุกอาชีพ ตัวมิวเองก็ได้รับผลกระทบคือเนื่องจากช่วงนี้นั้นคนก็ตกงานเป็นจำนวนมาก หลายคนเลยมาสมัครงานนี้เยอะขึ้น พอเยอะขึ้นไม่ตั้งตัวแบบนี้ก็เกิดการแย่งงานกัน รายได้ที่เคยได้รับก็ซบเซาลงนิดหน่อย ในส่วนของรายได้ที่เขาคิดก็จะเป็น 1 ออเดอร์ เราจะได้ประมาณ 47 บาท ภายในระยะทางประมาณ 4-5 กิโลเมตร แต่ถ้าระยะทางมากกว่านี้เราก็จะได้มากกว่านี้นิดหน่อย ขึ้นอยู่กับความขยันของเราด้วย ขยันวิ่งหางานก็ได้เยอะ ซึ่งมันก็คงดีกว่านอนอยู่บ้านขอเงินพ่อแม่แน่นอน

ส่วนฝนตกก็ถือว่าเป็นอุปสรรคของการทำงานมาก ยิ่งฝนตกถนนยิ่งลื่น ยิ่งอันตราย งานก็ต้องทำแข่งกับเวลา ต้องไปส่งของให้ลูกค้าทันเวลา เรื่องนี้ก็ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เราประมาทเมื่อไหร่ผลกระทบก็จะตามมาอีกหลายทางแน่นอน

“งานแบช” พี่หรือพนักงานขับ Grab ก็พูดกันเยอะว่าเป็นอุปสรรค คนนอกคงไม่เข้าใจว่ามันคืออะไรกันแน่ มิวบอกเรางานแบชคืองานที่ลูกค้าสั่งอาหารจากร้านเดียวกันรวมอยู่ในงานเดียวโดยสถานที่ส่งอาหารจะอยู่ใกล้ ๆ กัน สูงสุดสองคำสั่งซื้อในหนึ่งชุดงาน คราวนี้ก็ต้องวิ่งสองงานพร้อมกัน คนส่งก็รีบคนรอก็หิว รู้แบบนี้แล้วลูกค้าก็รอสักครู่ พี่ ๆ Grab กำลังไปส่งอยู่แน่นอน

ปัญหาที่พี่ ๆ Grab เจอกันบ่อยไม่แพ้กันก็คงเป็นการยกเลิกออเดอร์ของลูกค้า บางออเดอร์ทางเราก็ต้องเป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้ลูกค้าก่อน ถ้าลูกค้ากดยกเลิกเราระหว่างนี้งานก็เข้าเราเต็ม ๆ จะกดยกเลิกเองก็จะเสียเครดิต แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูกรณีด้วย ถ้าร้านปิดก็คงต้องรบกวนลูกค้ายกเลิกออเดอร์ให้ได้แต่หากปัญหามาจากทางฝ่ายลูกค้าโดยตรงทางบริษัทก็พร้อมจะรับผิดชอบทางเราอยู่แล้ว

ประสบการณ์ของเรา เราก็เลือกเอง

ถ้าพูดถึงงาน Part-time ก่อนหน้าที่จะมาขับแกรบ เคยทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟตามงานสังสรรค์ต่าง ๆ ของกองทัพอากาศ ทำมาตั้งแต่ ม.3 จนถึง ม.6 แล้วไม่ใช่เรื่องที่น่าอาย มันควรเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพราะเราสามารถหาเงินได้ตั้งแต่อายุยังน้อยและช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัวได้ไม่มากก็น้อย ยังดีกว่าการอยู่เฉย ๆ ถือว่าเป็นการหาประสบการณ์ชีวิตอย่างหนึ่ง ข้อดีของงาน Part-time คือเราสามารถเลือกเวลาทำงานของเราได้ จึงทำให้ไม่กระทบต่อเวลาเรียนแน่นอน

ครอบครัวในตอนแรกก็ไม่ได้สนับสนุนเท่าไหร่นัก ด้วยความที่เขาก็คงเป็นห่วงเรา ขับรถ กลัวเป็นอันตรายแต่เขาก็ไม่ได้ห้ามอะไร ประสบการณ์ของเรา เราก็เลือกเอง ส่วนเพื่อนก็ไม่เคยอายอะไรที่จะบอกว่าเราทำงาน เพื่อนก็ไม่เคยว่า มีแต่จะเข้ามาถามถึงข้อมูลการทำงานตรงนี้ด้วยซ้ำ จากประสบการณ์ที่ผ่านทำมาระยะเกือบปี เจอเพื่อนนักศึกษาด้วยกันต่างมหาวิทยาลัยที่ยังคอยนัดกันมาทำงานพร้อมกันอยู่เลยเวลาว่าง ๆ

ส่วนตัวมองว่าในสังคมไทยกับวัยรุ่นที่ทำงานระหว่างเรียนก็ไม่ได้ปิดกั้นขนาดนั้น แต่ก็มีบ้างที่หลายคนก็คิดว่าการทำงานหาเงินมันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ เด็กไม่ควรมายุ่งตอนนี้ แต่ในความคิดเรา ถ้าไม่ทำตอนนี้แล้วจะทำตอนไหน ในเมื่อเราอยากหาประสบการณ์ชีวิตที่ต้องเผชิญกับโลกกว้างเองอยู่ มันก็เป็นสิ่งที่ไม่ต้องให้ใครมาตัดสินหรือเปล่าว่าเราควรทำหรือไม่ควรทำอะไรตอนไหน

ไม่ส่งแล้วครับอยากขายมากกว่า

ถามถึงอนาคตว่าจะทำอะไรต่อหรือจะเอายังไงกับงานนี้ดี ในใจตอนนี้ก็มีความรู้สึกขึ้นมาว่าไม่อยากเป็นเพียงคนส่งอาหารแล้ว แต่เราอยากสร้างความสุขให้กับคนที่มาทานร้านอาหารของเราเองมากกว่า หรืออีกฝันเล็ก ๆ ก็อยากเปิดสตูดิโอถ่ายรูปเอาไว้ให้คนมาเช่าแบบไม่ซ้ำใคร ฝันนี้เราก็ตั้งเอาไว้ในตอนนี้แล้วค่อย ๆ ทำ ไม่ว่าเราจะเปลี่ยนความคิดความฝันไปยังไงก็ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคตอีกที

ผมทำได้คุณก็ทำได้

เราคุยกับมิวได้ความรู้และแรงบันดาลใจมากมาย เราขอให้เขาให้ข้อคิดกับเพื่อน ๆ คนอื่นบ้าง มิวบอกว่า “สำหรับใครอยากลองทำอะไรก็ทำเลยครับ เราไม่มีทางรู้หรอกว่าเราชอบหรือไม่ชอบอะไรถ้าเรายังไม่ได้ลงมือทำ ถึงไม่ชอบก็ไม่ใช่เรื่องเสียเวลา เราก็ได้ประสบการณ์และรู้ว่าสิ่งนี้ทำแล้วเวิร์คหรือไม่”

ส่วนเรื่อง Grab food คนที่สนใจอยากทำ ก็สามารถสมัครได้ แล้วลงมือทำได้เลย ไม่ต้องกลัวเลย สังคม Grab ก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ไม่ต้องกลัวว่าจะมีรุ่นพี่ หรือเจ้าถิ่นอะไร ทุกคนที่เป็นพนักงานเหมือนเราให้คำปรึกษาและคำแนะนำเราเป็นอย่างดี “สู้ ๆ นะครับ ผมเป็นกำลังใจให้”

เรื่องราวของหนุ่มหล่อที่สายไม่เคยว่าง จะชายหรือหญิงที่หิวเมื่อไหร่ก็ต่างต้องเคยใช้บริการ Grab กับเขามาอย่างแน่นอน สำหรับวันนี้ก็คงต้องปล่อยให้ “มิว” ไปส่งต่อความสุขให้คุณลูกค้าท่านอื่น ๆ ต่อแล้ว มิวยังทิ้งท้ายอีกว่า…“ทานอาหารให้อร่อยนะครับ”

หิวก็สั่ง เรียกเมื่อไหร่ก็มา เด็กนิเทศ ม.กรุงเทพ ขับ GRAB FOOD สร้างรายได้พิเศษระหว่างเรียน

Additional Information

ผลงานชิ้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา CA112 Introduction to Journalism ภาคการศึกษาที่ 1/2 2563

Writer & Photographer

ไม่รู้ว่าตอนจบซีรีส์ชีวิตฉันจะเป็นยังไง แต่ฉันเชื่อว่าซีรีส์ทุกเรื่องนั้นมีทางเดินให้กับทุกตัวละครเสมอ

Writer & Photographer

ฝันให้ไกล ไปไม่ได้ก็ต้องไปให้ถึง