เบื้องหลังความฝันและงานพิธีกรของ “พี่ปุ๊กกี้-ปาริชาต รักษ์เส้ง”

“เพราะรู้จักตัวตนของตนเองว่าความชอบและพรสวรรค์ของตนคืออะไร” จึงนำมาสู่การทำงานสายพิธีกร ณ ที่แห่งนี้ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

ความสดใสและร่าเริงของเธอทำให้หลายคนประทับใจ พี่ปุ๊กกี้-ปาริชาต รักษ์เส้ง นักศึกษาสาขาวิทยุกระจายวิทยุ วิทยุโทรทัศน์ และการผลิตสื่อสตรีมมิ่ง คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ พี่ปุ๊กกี้เพิ่งจบการศึกษาเมื่อเร็ว ๆ นี้เอง

เราเชื่อว่าหลายคนคงคุ้นหน้า “พี่ปุ๊กกี้” เป็นอย่างดี เพราะเธอทำหน้าที่พิธีกรและออกสื่อต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัยมากมาย น้ำเสียงรื่นหู น่ารัก สุภาพ และสไตล์การพูดที่เป็นกันเอง น่ามอง น่าฟัง ทำให้เธอมีงานพิธีกรมากมาย

เส้นทางการเติบโตของพี่ปุ๊กกี้ เรารู้ข้อมูลมาว่า เธอชื่นชอบในการร้องเพลง เป็นหนึ่งในเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการ คิดใส ไทยแลนด์ Season 1 และได้รับทุน BUCA Talent รุ่นที่ 5 อีกด้วย

“พี่ปุ๊กกี้” บอกว่าเริ่มชอบและรู้ว่าตนเองเป็นคนชอบพูด เป็นพิธีกรตั้งแต่ช่วงมัธยม ตอนที่สมัครเข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ก็สมัครเข้ามาในโครงการทุน BUCA Talent ที่เปิดรับนักเรียนที่มีใจรักงานด้านนิเทศศาสตร์ เมื่อเข้าโครงการ BUCA Talent ยิ่งทำให้พี่ปุ๊กกี้ได้มีโอกาสทำงานจริง ได้เป็นตัวแทนนักศึกษา ตัวแทนคณะ จึงทำได้ทำงานของคณะและของมหาวิทยาลัย โดยใช้ความสามารถเรื่องการพูดหรือการสื่อสาร พอได้ทำบ่อยก็ยิ่งพัฒนาตนเองเพิ่มขึ้น เธอไม่เคยเกี่ยงงาน ศึกษาข้อมูลงานที่ได้รับมาก่อนทำเสมอ

เธอได้ทำงานหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็น งานอีเว้นท์ งาน Open House งานด้าน Broadcasting ที่ต้องสาธิตการทำ TV Production และ Radio Production ให้กับผู้ที่มาเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยได้เห็นถึงระบบการทำงาน และสุดท้ายก็คืองานพิธีกรที่ได้ทำตั้งแต่ปีหนึ่งจนถึงปัจจุบัน

เพราะความชอบใน “งานพิธีกร” นั้นจึงทำให้พี่ปุ๊กกี้ได้ทำงานในส่วนนี้อย่างเต็มที่ การได้ทำงานพิธีกรมาเรื่อย ๆ เป็นการเก็บประสบการณ์ มีชั่วโมงบินเพิ่มขึ้น ได้พัฒนาศักยภาพ ฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้เธอสามารถรู้ว่าการทำงานในแต่ละครั้งต้องทำอย่างไร และต้องแก้ไขยังไงเพราะงานแต่ละงานก็จะมีคอนเซ็ปต์ที่แตกต่างกันไป

Character และบุคลิกภาพ เป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะพิธีกรแต่ล่ะคนจะมีบุคลิกน้ำเสียงท่าทาง ที่แตกต่างกันไป และพี่ปุ๊กกี้ยังบอกว่าคนส่วนใหญ่บอกว่าเสน่ห์ของเธอนั้น คือการเป็นพิธีกรสาย Entertain อีกด้วย เธอจึงเชื่อว่าเสน่ห์ของพิธีกรก็คือการเป็นตัวของตัวเอง เพราะนั่นคือเสน่ห์ที่แท้จริง

อันดับแรกเลยคือเวลา เพราะการที่ได้ทำงานหลายส่วนไม่ว่าจะเป็นงานพิธีกรของมหาวิทยาลัยและงานพิธีกรนอกมหาวิทยาลัย จะต้องแบ่งเวลาเรียน และยังต้องรักษาเกรดเฉลี่ยให้อยู่ในเกณฑ์ของทุน ดังนั้นการแบ่งเวลาจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

ในการทำงานถ้าถามว่าเคยเหนื่อยไหม พี่ปุ๊กกี้ก็ได้บอกกับเราว่า ก็ต้องมีบ้างเป็นธรรมดาเพราะว่าเราต้องรับผิดชอบหน้าที่หลายอย่าง แต่ถ้าถามว่าท้อไหม เธอบอกว่ายังไม่เคยรู้สึกท้อกับการทำงาน แต่ถ้าเหนื่อยพี่ปุ๊กกี้บอกว่า บางครั้งการทำงานเราอาจจะเลือกคนทำงานด้วยไม่ได้ บางครั้งทำให้เหนื่อยกับการทำงานกับคนมากกว่าเหนื่อยกับงาน แต่มันก็ทำให้เราได้รู้จักการจัดการกับความรู้สึกของตนเองเพื่อให้ตัวเราสามารถทำงานร่วมกันกับทุกคนได้

สิ่งสำคัญในการทำงานต้องปรับเข้าหากันและดูเหตุผลว่าเขาทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร เพื่องานหรือว่าเหตุผลส่วนตัว แต่ไม่ว่าอย่างไรการทำงานก็ต้องมีการถกเถียงกัน เพื่อที่จะได้เข้าใจการทำงานและความถูกต้องของงานอยู่แล้ว จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่สามารถเกิดขึ้นได้จากการทำงาน

สิ่งที่เกิดขึ้นคือการผิดคิว ซึ่งเรื่องนี้ได้เกิดขึ้นจริงกับตัวของพี่ปุ๊กกี้เลย เธอบอกว่าเคยไปทำงานพิธีกร ซึ่งปัญหาก็คือสคริปต์ไม่ตรงกับสิ่งที่ต้องพูด ถ้าเกิดข้อผิดพลาดในการพูด ก็จะทำให้เจ้าของงานมาว่าในส่วนของพิธีกรอย่างเดียว เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญก็คือการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าและการแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดอย่างไรให้แยบยลที่สุด

ข้อสำคัญของการเป็นพิธีกรสำหรับพี่ปุ๊กกี้คือ ไหวพริบ บางทีการทำงานก็อาจเกิดข้อผิดพลาดได้เพราะฉะนั้นการมีไหวพริบแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก ต้องคิดและแก้ไขปัญหาให้แนบเนียนและดีที่สุด อีกส่วนคือเรื่อง บุคลิกภาพ ที่เป็นสิ่งสำคัญ เพราะการมีบุคลิกที่ดีสามารถทำให้ผู้ที่เห็นเกิดความหน้าเชื่อถือขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกายหรือคำพูดคำจาที่ต้องพิจารณาให้ดีก่อนพูดออกไป

“พี่ปุ๊กกี้” บอกว่าค่อนข้างกดดันมาก เพราะว่าตอนนี้เรียนจบแล้ว เธอคิดว่าบางทีเราอาจจะไม่ได้ทำงานตรงสาย แต่ในส่วนของงานพิธีกรพี่ปุ๊กกี้บอกว่าเป็นความฝันอยู่แล้ว ซึ่งก็อาจจะเป็นสิ่งที่ไปถึงได้ค่อนข้างยาก แต่สิ่งสำคัญคือเราจะต้องเข้าไปอยู่ในองค์กรนั้นก่อนและโชว์ศักยภาพให้คนในนั้นเห็นว่าเราสามารถทำได้หลายอย่าง

การเรียนที่คณะนิเทศศาสตร์ เธอได้เรียนศาสตร์การสื่อสารที่หลากหลายอยู่แล้ว งานด้านการสื่อสาร นอกเหนือจากงานพิธีกร เช่น งาน Creative, AE (Account Executive), Production พอเราทำงานได้หลายอย่างก็ทำให้ตัวเราเป็นที่ต้องการขององค์กรนั้น ๆ และสุดท้ายพอเราได้เขาไปอยู่จุดนั้นแล้วมันจะเป็นคำตอบให้เราเองว่าเราจะได้เข้าไปอยู่ในสายงานที่เราต้องการได้หรือไม่

พี่ปุ๊กกี้มีไอดอลในการทำงานคือ “พี่ญาญ่า อุรัสยา” เพราะว่าการวางตัวในการทำงาน Life style ความกตัญญูรู้คุณ และการเป็นที่รักของทุกคน นี่คือสิ่งที่เธอยึดถือปฏิบัติมาโดยตลอด ที่สำคัญคือ “ทำสิ่งที่เราตั้งใจไว้ให้ดีที่สุด แล้วเราจะไม่เสียใจเพราะเราได้ทำสิ่งนั้นอย่างเต็มที่แล้ว”

น้อง ๆ เพื่อน ๆ ที่กำลังเรียนและทำงานอยู่ตอนนี้ พี่ปุ๊กกี้เผยเคล็ดลับการทำงานพิธีกรไว้ว่า ต้องพยายามหาโอกาสให้ตนเองก่อน เช่น การเข้าชมรมเกี่ยวกับการพูด เพื่อให้เราได้เรียนรู้และเข้าใจกับมันมากขึ้น สิ่งที่สำคัญคือการศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับงานและการให้เวลาตนเองฝึกฝน เพราะมันจะเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีโอกาสประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน

ถ้าเรารู้ว่า Passion ของเราคืออะไร ก็ลงมือทำ เรียนรู้เพิ่มเติม และจัดสรรเวลาฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ เทคนิคที่ใคร ๆ ก็ทำได้ แล้วเราจะเข้าใกล้ความฝันมากยิ่งขึ้น