เพลงบางเพลงมีความหมายในความทรงจำของเราเสมอ เราขอแนะนำศิลปินที่เขียนเพลงได้เรียบง่ายสื่อความหมายถึงคนฟังได้อย่างลึกซึ้ง

ตูน-โชติกา คำวงศ์ปิน หรือที่หลายคนรู้จักในนามของ STOONDIO ผู้ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านบทเพลงอันแสนไพเราะที่หลายคนคุ้นหู อย่างเพลงล่าสุดที่ได้ปล่อยออกมาให้หายคิดถึง เป็นเพลงที่มีชื่อว่า เพลงบางเพลง โดยเนื้อร้องของเพลงได้เรียบเรียงด้วยถ้อยคำที่เรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยการบอกเล่าเรื่องราวของความรักในมุมมองที่เป็นทั้ง Stoondio และตูน โชติกา

เพลงบางเพลง ที่มอบให้คนทุกคน

สำหรับ เพลงบางเพลง ที่เพิ่งปล่อยออกไปเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมานั้น เธอได้เขียนเพลงนี้ขึ้นมาในช่วงของการกักตัวเองทำงานอยู่ที่บ้าน (Work From Home) โดยเพลงนี้เป็น Version ที่เป็น Original ในแบบฉบับที่เป็นทั้งตูน ‘โชติกา และ Stoondio’ มากที่สุด 

ถ้าหากลองตั้งใจฟัง อาจได้ยินเสียงของเครื่องปรับอากาศภายในห้องนอน ที่ส่งเสียงร้องเข้ามาทักทายในบางช่วงขณะ แทรกด้วยเสียงกระดิ่งจากแมวตัวโปรดที่มีนามว่า ‘สมเหมียว’ คอยนอนให้กำลังใจในระหว่างการอัดเพลงอยู่เสมอ หรือแม้กระทั่ง อาจได้ยินเสียงจากลูกบิดบานประตูห้องนอนที่คุณแม่ได้เปิดเข้ามาในระหว่างการบันทึกเพลง Demo ของเธอ

สมเหมียว-แมวตัวโปรดและเป็นนางเอกเอ็มวีจากเพลง ‘ขอบคุณ’ ของพี่ตูน โชติกา

นอกจากงานเพลงและงานดนตรีแล้ว เธอยังได้ทำงานอื่นนอกเหนือจากการเป็น Stoondio ที่หลายคนรู้จักอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นงานทางด้านกราฟิกดีไซเนอร์ที่เธอรัก และเป็นทั้งนักเขียนหนังสือ เจ้าของผลงาน เราต่างรู้สึกกันคนละแบบ ซึ่งเป็นวรรณกรรมร่วมสมัยที่ได้เขียนร่วมกับเพื่อน

เมื่อถามถึงชีวิตประจำวันของกับอาชีพต่าง ๆ ที่ได้ทำว่ามีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรบ้าง เธอบอกว่าทุกอาชีพที่ทำมักสร้างความรู้สึกเดียวกัน โดยนิยามว่าคือ ‘ความสุข’ และหากพูดถึงการใช้ชีวิตกับทั้งสามอาชีพมันไม่ได้มีความแตกต่างไปจากเดิม เพราะทุกสิ่งล้วนคือตัวตนที่เป็นทั้ง ‘Stoondio และ ตูน โชติกา’

ตูน โชติกา คำวงศ์ปิน Stoondio

Stoondio กับ ตูน โชติกา กับ วิถีชีวิตที่ไม่แตกต่าง

Stoondio กับ ตูน โชติกา สำหรับตัวเราแล้วมันคือคนเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการทำเพลงหรือการอยู่บ้านในวันปกติ ไม่ได้มีวิถีชีวิตที่แตกต่างกันไปจากเดิม แค่เลือกวิธีการสื่อสารที่แตกต่างกันออกไปเท่านั้นเอง

Stoondio ไม่เชิงเป็นวงดนตรี เพราะมีตัวเราที่เป็นเหมือน Member หลักเพียงคนเดียว อาจไม่ได้สื่อสารออกไปให้หลายคนได้เห็นว่าสตูนดิโอแท้จริงแล้วคือใคร แต่หลัก ๆ มองว่าสตูนดิโอก็เป็นเพียงนักเล่าเรื่องคนหนึ่ง

คำว่า Stoondio เป็นชื่อที่ไว้ใช้รับทำงาน ตัวเราเรียนจบคณะศิลปกรรมศาสตร์ เอกเรขศิลป์ (Graphic Design) ก็ได้ใช้ชื่อนี้เป็นชื่อเว็บไซต์สำหรับไว้ใช้รับงานพวกกราฟิก พอมีงานอดิเรกเป็นงานเกี่ยวกับดนตรี ก็เลยใช้ชื่อเดียวกันเป็นที่มาของคำว่า Stoondio ในทุกวันนี้

กระบวนการแต่งเพลงทุกเพลงที่ทำ ถูกถ่ายทอดออกมาด้วยจุดกำเนิดของ การสังเกต การแต่งเพลงคือการเล่าเรื่องราวที่พบเจอออกไปด้วยความรู้สึกที่เปรียบเสมือนการเล่าให้เพื่อนฟัง เมื่อชั่วขณะหนึ่งที่เรามั่นใจที่จะพูดสิ่งใดสิ่งหนึ่งออกไป แน่นอนว่าต้องเป็นการพูดที่ไม่ใช้เวลานานจนเกินไป

เล่าเรื่องที่มั่นใจผ่านบทเพลงของ Stoondio ในแบบฉบับที่เป็นตูน โชติกา

เราเริ่มเขียนเพลงตั้งแต่อายุสิบขวบ เพราะเป็นคนที่ชอบฟังเพลงตั้งแต่เด็ก แต่ไม่ได้ชอบเล่นกีต้าร์ แค่รู้สึกว่าสามารถเขียนเพลงออกมาได้แค่นั้นเอง สำหรับตัวเราแล้วเรื่องการเขียนเนื้อเพลงมันก็เหมือนการพูดออกไป กระบวนการของการเขียนเนื้อเพลงมันไม่นาน สมมุติว่าจะพูดถึงเรื่องหนึ่งที่มั่นใจที่จะเล่าออกไปก็คงพูดไม่นานเกินชั่วโมงหรอก แต่จะใช้เวลาในด้านของดนตรีมากกว่า

เพลงที่เขียนขึ้นมาเกิดขึ้นมาจากการสังเกต ที่มาที่ไปก็เป็นการที่นึกถึงต่อเรื่องใดเรื่องหนึ่ง สตูนดิโอก็เป็นคนธรรมดาทั่วไป เพียงแค่คนธรรมดาแบบเราเป็นคนที่ชอบเล่าเรื่อง แต่ถ้าให้เล่าเรื่องด้วยคำพูดก็คงไม่มีใครอยากฟัง พอกลายมาเป็นเพลงมันก็เลยฟังง่าย

เราต่างรู้สึกกันคนละแบบ กับ พี่จอย Partner คนสำคัญ

หนังสือเราต่างรู้สึกกันคนละแบบ เป็นหนังสือของคนขี้บ่น มองว่าหลายคนใน Generation นี้จะไม่ชอบอ่านอะไรที่ยาวก็เลยต้องเขียนให้คนอ่าน อ่านแล้วมีอารมณ์ร่วม ความจริงธรรมชาติของตัวเราไม่ใช่นักเขียนขนาดนั้น หนังสือจึงออกมาเป็นวลีสั้น ๆ คล้าย ๆ กับสิ่งที่โพสต์ไปบน Facebook ของ Stoondio

หนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นมากับเพื่อน เขาเป็น Partner ที่ชื่อ พี่จอย-ธัญรดี จันทร์วิวัฒน์ เรากับพี่จอยทำงานร่วมกันมานาน อย่างอัลบั้ม Lost Unfound ที่เคยปล่อยออกไปเมื่อนานมาแล้ว พี่จอยก็เป็นคนคิดคอนเซปต์ ตั้งชื่อเพลง และเขียนบทความ ถ้าพูดถึงด้านการทำเพลง หลายๆ เนื้อเพลง บางท่อนถ้าฟังดี ๆ ก็จะจับจุดได้ว่า ตรงนี้พี่จอยเป็นคนเขียนขึ้นมานะ อย่างเพลงยินดีที่ได้พบเธอ เนื้อเพลงในท่อนที่ร้องว่า..ฉันจะรู้จักเธอเท่าที่เธอให้ฉันรู้จัก ฉันจะยิ้มให้เธอเท่าที่เธอให้ฉันยิ้มให้ ฉันจะสัมผัสเธอเท่าที่เธอให้ความจริงใจ

ท่อนเพลงนี้เป็นท่อนสำคัญที่พี่จอยช่วยเขียนขึ้นมา พอวันหนึ่งถูกติดต่อให้มาเขียนหนังสือก็เลยดึงพี่จอยมาเขียนในเล่มนี้ด้วย เรียกได้ว่าเขียนกันคนละครึ่งกับพี่จอย ก็เป็นประสบการณ์ที่สนุกดี แต่หนังสือก็มีความเป็นตัวเองแค่ส่วนหนึ่งนะ เพราะจริง ๆ เป็นคนที่ชอบอ่านข่าวมากกว่า และก็คิดว่าตัวเองไม่สามารถเป็นคนในแบบที่เขียนหนังสือออกไปอย่างนั้นได้ตลอดเวลาด้วย

หนังสือ เราต่างรู้สึกกันคนละแบบ ผู้เขียน : Stoondio x friend

สามอาชีพขีดไว้บนเส้นทางของนักเล่าเรื่อง

ชอบทุกอาชีพที่ทำ ไม่ว่าจะเป็นงานเขียน กราฟิก หรือดนตรี เพราะคิดว่าทั้งสามอาชีพนี้ถูกขีดไว้เป็นเส้นเดียวกัน คือการเป็น ‘คนที่เล่าเรื่องและคนที่สื่อสารออกมาได้’ มันเป็นการอธิบายเรื่องต่าง ๆ ที่มีวิธีการแตกต่างกันออกไป

อย่างเพลง อธิบายออกมาเป็นดนตรี งานเขียนออกมาเป็นตัวหนังสือ ครีเอทีฟก็จะเล่าออกมาผ่านหนังบ้าง โฆษณาบ้าง สำหรับตัวเราทั้งสามอย่างนี้คือการบีบก้อนทัศนคติ และสื่อสารมันออกไป มันคืออันเดียวกัน เพียงแต่ว่ามันถูกเรียกต่างกันเพราะวิธีการทำที่ต่างกัน

เรามองว่าทุกอาชีพของตัวเอง ถ้าวัดจากความพึงพอใจ อาชีพที่ยากที่สุดคงเป็นครีเอทีฟ เพราะมีลูกค้า มีโจทย์จริงอยู่ในมือ ที่สำคัญก็คือต้องซื้อใจเขาด้วยผลงานของตัวเอง แต่ถ้าวัดความยากด้วยเรื่องของเวลา คิดว่าทุกอาชีพมันยากหมดนะ เพราะต้องจัดสรรเวลาให้สมดุลกันและลงตัวที่สุด

“ทั้งสามอาชีพถูกขีดไว้เป็นเส้นเดียวกัน คือการเป็นคนที่เล่าเรื่องและคนที่สื่อสารออกมาได้”

เวลาส่งผลให้ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ

สำหรับช่วงเวลาของการคิด ไม่ว่าจะเป็นงานกราฟิก งานเขียน หรืองานดนตรี จังหวะเวลามันค่อนข้างเกิดพร้อม ๆ กันได้ เพียงแค่ว่าโจทย์มันแตกต่างกันออกไป

ส่วนเรื่องเวลาที่ใช้ในการทำงาน อย่างออฟฟิศก็มีเวลาทำงานที่จัดเรียงไว้อยู่แล้ว ในส่วนเวลาที่เหลือหลังจากนั้น คนอื่นอาจจะเอาไปเตะบอล ไปเล่นกีฬา เราก็แค่เอาเวลาตรงนั้นมาทำเพลง เขียนหนังสือ

คนส่วนใหญ่มีเวลาเหลือเยอะ ถ้าวิถีชีวิตไม่ได้มีภาระให้ต้องดูแล ซึ่งตัวเองเป็นหนึ่งคนที่โชคดีตรงที่ในช่วงอายุหนึ่งไม่ได้มีภาระทางบ้านหรือภาระอื่น ๆ ให้ต้องดูแลมากมาย ก็เลยมีเวลาอยู่กับตัวเองเยอะ ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ เวลาส่วนนั้นจึงออกมาเป็นเพลงและเป็นหนังสือ ที่นำเสนอออกไปให้หลายคนได้เห็น

ขอให้อยู่ด้วยกันไปนาน ๆ

อย่าเพิ่งเบื่อกันนะ เพราะทำเพลงมานานมาก พอกับที่ทำงานประจำเลย ตั้งใจทำ Stoondio ให้เป็นเสมือนพื้นที่ให้กับคนที่ชอบฟังอะไรที่เหมือนกันได้มาอยู่ด้วยกัน โดยมีเราเป็นคนที่เล่าสิ่งนั้นออกไปผ่านบทเพลง หนังสือ หรือแม้กระทั่งวลีต่าง ๆ

ชอบความเป็น Stoondio ตรงที่มันเปรียบเสมือนพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนความคิดระหว่างตัวเรากับคนฟัง ส่วนตัวเป็นคนชอบตั้ง Status เพื่อล่อถามและให้คนเข้ามาคอมเมนต์ เพราะชอบอ่านเวลาทุกคนมาเล่าเรื่องที่พบเจอในแต่ละวันให้ฟัง และมองว่าพื้นที่ตรงนี้มันเป็นการที่เราทุกคนได้มาทำความรู้จักกันแม้ไม่ได้เจอหน้ากัน

เพราะฉะนั้นก็อยากให้ทุกคนอยู่ในแพล็ตฟอร์มนี้ด้วยกันนาน ๆ

อย่าเพิ่งเบื่อกันไปก่อน

“จะยืนมองจากตรงนี้ และยิ้มให้กันอีกที ข อ บ คุ ณ ในช่วงเวลาที่ ผ่ า น ม า” ขอบคุณ : STOONDIO

วันเวลาที่ผ่านไปกับทุกงานที่ทำด้วยความตั้งใจ เราเชื่อเสมอว่า เพลงบางเพลง ที่เราได้ฟังนั้น ทุกเพลงล้วนมีความหมายที่ต้องการสื่อสารไปหาผู้ฟังเสมอ

Additional Information

ผลงานชิ้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา CJR411,JR413 Newspaper Workshop, CJR413, JR414 Magazine Workshop ภาคการศึกษาที่ 2/2562 คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ อาจารย์ที่ปรึกษา ผศ.ขจรจิต บุนนาค และผศ.ณรงค์ศักดิ์ ศรีทานันท์

Writer

เช้าวันพุธของฤดูร้อนในเดือนเมษายน - หลงใหลในบทกวีรัก วาดฝันการมีร้านขายโปสการ์ดริมลำธารหลังบ้านและปรารถนาการกินกาแฟในทุกเช้า