อิ่มอร่อยสุดฟินกับบุฟเฟ่ต์ต๊อกโบกี่แบรนด์แรกในประเทศไทย

ถ้าพูดถึงเมนูอาหารเกาหลีที่เรามักได้เห็นบ่อย ๆ ในซีรีส์เกาหลี เราก็คงหนีไม่พ้นเมนูอย่าง ‘ต๊อกโบกี่’ แน่นอน

ก่อนอื่นเราขอเจาะประวัติความเป็นมาของ “ต๊อกโบกี่” กันสักเล็กน้อย อาหารชนิดนี้สะท้อนวัฒนธรรมการกินของชาวเกาหลีได้เป็นอย่างดี ด้วยความที่เกาหลีเติบโตจากประเทศเกษตรกรรม ปลูกข้าว ปลูกพืช คล้ายบ้านเรา บนโต๊ะอาหารจึงมีอาหารที่ทำมาจากแป้ง มีผักเป็นเครื่องเคียง มีปลาเป็นเนื้อสัตว์

ต๊อกโบกี่ เป็นอาหารยอดนิยมของคนเกาหลีทั่วไป โดยคนส่วนใหญ่มักจะรับประทานเป็นอาหารทานเล่นหรือเป็นอาหารว่าง เมนูนี้มีส่วนผสมหลัก คือ แป้งต๊อกที่ทำจากแป้งข้าวเจ้า ผสมแป้งข้าวเหนียว ซึ่งมีขายในรูปแบบ แป้งต๊อกสำเร็จรูป จากนั้นนำมาผัดใส่กับโคชูจัง (ซอสพริกเกาหลี) ใส่ผักและเนื้อสัตว์ตามชอบก็จะกลายเป็นเมนูต๊อกโบกี่ได้แล้ว รับประทานในหน้าหนาวก็ช่วยคลายความหนาวได้ หรือจะรับประทานในช่วงหน้าร้อน ก็ปรุงได้หลากหลายรูปแบบ

เราจะพาทุกคน มาอิ่มเอมกับ ร้าน Dookki Topokki (ดุ๊กกี้ต๊อกโบกี่) ร้านบุฟเฟต์ต๊อกโบกี่แบรนด์อันดับ 1 จากประเทศเกาหลี ที่มีสาขามากกว่า 200 สาขาในประเทศเกาหลี และมีอีก 4 สาขาในประเทศไทย และหนึ่งในนั้นคือ สาขา The Market Bangkok บริเวณชั้น 3 อยู่ตรงข้าม Central World

แปลกใหม่และแตกต่าง คงเป็นคำนิยามที่อธิบายความเป็นจุดเด่นของร้านนี้ได้เป็นอย่างดี ถ้าเราลองนึกถึงร้านขายต๊อกโบกี่ในประเทศไทย ก็คงนึกถึงต๊อกโบกี่ที่เป็นอาหารจานเดี่ยวในร้านอาหารเกาหลี หรืออาจจะเป็นเมนูที่มีขายตามซุ้มขายอาหารเกาหลีเล็ก ๆ ข้างทางแทน แต่ไม่ใช่กับ Dookki Topokki ที่เป็นร้านในรูปแบบต๊อกโบกี่บุฟเฟ่ต์ ที่มีราคาเพียง 299.- รวมเครื่องดื่ม

ที่นี่เราสามารถเลือกสรรวัตถุดิบที่ต้องการจะทำต๊อกโบกี่ของเราเองได้ที่บริเวณเคาน์เตอร์บาร์ โดยจะมีวัตถุดิบหลายอย่างให้เราเลือก มีทั้งผักต่าง ๆ เห็ด ลูกชิ้น ไส้กรอก ไปจนถึงส่วนที่เป็นเนื้อสัตว์ก็มีทั้งเนื้อหมูและเนื้อไก่ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในหม้อไฟในครั้งนี้ก็คือ แป้งต๊อก ซึ่งจะมีแป้งต๊อกหลายรูปแบบที่ให้เราได้เลือกทานตามใจชอบ มีทั้งแป้งต๊อกธรรมดา แป้งต๊อกรูปหัวใจ แป้งต๊อกรูปดอกไม้ แป้งต๊อกเส้นยาว แต่สิ่งที่พวกเราแนะนำเลยก็คือ แป้งต๊อกสอดไส้ชีส เป็นแป้งต๊อกที่ทุกคนไม่ควรพลาดเลยจริง ๆ

หลังจากที่เลือกวัตถุดิบแล้วเรียบร้อย สิ่งต่อมาที่เป็นเอกลักษณ์ของร้านเลยก็คือ การที่เราสามารถปรุงรสชาติของต๊อกโบกี่ครั้งนี้ได้ด้วยตนเอง ซึ่งสูตรลับในแบบฉบับของพวกเราสำหรับคนที่ไม่กินเผ็ดคือ ตักซอสดุ๊กกี้ 2 ช้อน ซอสต๊อกโม ครึ่งช้อน และซอสกุงจุงเล็กน้อย แค่นี้ก็ได้ซอสต๊อกกีที่มีรสชาติอร่อยถูกปากแล้ว

ถ้าหากใครที่กลัวว่าทานแค่ต๊อกโบกี่อย่างเดียวแล้วกลัวเลี่ยน ทางร้านมีของทานเล่นอีกหลายอย่างให้ลองทานเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นไก่ทอด ไก่ทอดคลุกซอส สาหร่ายห่อวุ้นเส้นทอด เฟรนซ์ฟราย คิมบับ หรือถ้าใครต้องการซดน้ำซุปร้อน ๆ ให้โล่งคอ ทางร้านก็มีโอเด้งพร้อมน้ำซุปให้

นอกจากนั้นก็ยังมีมุมสำหรับต้มมาม่าเกาหลีหลากหลายรสชาติให้เราเลือก เผื่อเราต้องการลิ้มลองรสชาติการทานอาหารเกาหลีในรูปแบบตามแบบฉบับคนเกาหลีจริง ๆ ก็สามารถทำได้เช่นกัน

ภายในร้านมีโต๊ะให้บริการเป็นจำนวนมาก และเป็นร้านค่อนข้างใหญ่ ไม่อึดอัด นอกจากจะอยู่ในช่วงเวลาเที่ยงที่มีลูกค้าเข้ามาเยอะเป็นพิเศษ ร้านจะเปิดเพลง K-POP ของนักร้องหลายวงวนกันไป เหมือนกับว่าเราได้รับประทานอาหารอยู่ในประเทศเกาหลีจริง ๆ

คนที่ชื่นชอบอาหารเกาหลี หรืออยากทานต๊อกแบบจุใจให้อิ่มจนพุงกาง ก็สามารถมาลองทาน Dookki Topokki ได้ ราคาสำหรับผู้ใหญ่ 299.- และ ราคาสำหรับเด็ก 199.- รวมเครื่องดื่มแล้วเรียบร้อย มีเวลาทานทั้งหมด 1 ชั่วโมง 30 นาที

ต๊อกโบกี่จึงเป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารยอดนิยมของชาวเกาหลี รวมถึงคนที่รักวัฒนธรรมเกาหลีจากทั่วโลก และเป็นอีกหนึ่งเมนูที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของชาวเกาหลีให้เติบโตก็ว่าได้ อาหารจึงสะท้อนวัฒนธรรมความเป็นอยู่และการใช้ชีวิตของคนเราได้เป็นอย่างดี ลองลิ้มลองอาหารเมนูใหม่ดูบ้าง จะช่วยเปิดประสบการณ์และทำให้เราได้เรียนรู้วัฒนธรรมของประเทศนั้นไปพร้อมกัน