Keaw Keaw Green Catering : เคี้ยว…เขียว บริการรับจัดเลี้ยงรักษ์โลก

คนเรามักจะตั้งคำถามกับตัวเองอยู่ทุกวันว่า “คุณภาพชีวิตที่ดีเริ่มได้จากอะไรบ้าง” คำตอบที่ได้คือ “ชีวิตคนเราบาลานซ์ไม่เหมือนกัน ลองท้าทายกับตัวเองว่าเราทำได้แค่ไหน” คำพูดของ พี่ธี-คุณธีรพจน์ เมฆเอี่ยมนภา เจ้าของบริการรับจัดเลี้ยงเคี้ยว…เขียว (Green Catering) บริการจัดเลี้ยงที่ใช้แนวคิดเกษตรอินทรีย์ เลือกใช้บรรจุภัณฑ์ธรรมชาติที่ย่อยสลายหรือนำกลับมาใช้ซ้ำ (Reuse) จนเกิดเป็นแรงผลักดันให้หลายคนตระหนักถึงกับรูปแบบการใช้ชีวิตที่รักสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

กิจการเคี้ยวเขียว ได้เปิดบริการมาเกือบสิบปี โดยมี พี่มิ้ม-คุณอธิพาพร เหลืองอ่อน และพี่ธี-คุณธีรพจน์ เมฆเอี่ยมนภา ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จธุรกิจบริการจัดเลี้ยงที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกับใส่ใจสุขภาพของลูกค้า เราขอพาทุกคนไปรู้จักกับ ‘เคี้ยวเขียว’ จากการพูดคุยกับ พี่ธี ไปพร้อมกันกับเรา

พี่ธี เล่าให้เราฟังว่า เคี้ยวเขียว เกิดจาก ป้าหน่อย-คุณพอทิพย์ เพชรโปรี เป็นคนทำงานสนับสนุนเกษตรอินทรีย์มานาน เกือบ 20 ปี ตอนนั้นเกษตรอินทรีย์ยังไม่ค่อยคุ้นหูคนไทยเท่าทุกวันนี้ เมื่อป้าหน่อยป่วย จึงหันมาดูแลตนเองโดยการรับประทานผัก แต่ภายหลังทราบว่าผักอันตรายไม่ปลอดภัย จึงทำอาหารมังสวิรัติที่เน้นไปทางเกษตรอินทรีย์

เริ่มแรกค่อย ๆ ทำไปจนได้รู้จักกับเพื่อนคือ คุณตั้ม – คุณพฤฒ เกิดชูชื่น เจ้าของ Dairy Home ซึ่งเป็น ‘นมออแกนิคเจ้าแรกของประเทศไทย’ ป้าหน่อยรับนมมาส่งตามบ้าน สนับสนุนไปเรื่อย ๆ พอมาประชุมกัน คุยกันว่าไม่มีใครคอยดูแลด้านจัดเลี้ยง จึงจัดตั้งเคี้ยวเขียวรับจัดเลี้ยงขึ้นมา

หลังจากได้ทำธุรกิจจัดเลี้ยงให้ลูกค้า จึงเกิดความสนใจเกษตรอินทรีย์ตามมาด้วย แล้วยังสนใจเรื่อง Zero Waste ซึ่งจะเป็นเรื่องการลดการสร้างขยะ ความสนใจทั้งมวลเกิดขึ้นเพราะว่า ประการแรกเกษตรอินทรีย์เป็นสิ่งที่ค่อนข้างยุ่งยาก ต้องเรียนรู้ ศึกษาอย่างลึกซึ้ง ประการที่สอง ตัวบรรจุภัณฑ์เป็นรูปธรรมที่ค่อนข้างเห็นอย่างชัดเจนในการทำธุรกิจ ทำให้เรามีแนวคิดว่าสามารถทำงานร่วมกันได้ เพราะเป็นแนวทางเดียวกัน

อีกทั้งเมื่อได้ยินคำว่าอินทรีย์ คนอาจจะคิดว่ามีความแพง พี่ธีบอกกับเราว่า “เราอยู่ในแวดวงนี้ ของต่าง ๆ เราแตะต้องได้ คือเรารู้แหล่งของวัตถุดิบ อย่างเช่น คนบอกว่า ข้าวอินทรีย์กิโลกรัมเป็นร้อยบาท พี่บอกว่า ไม่ถึง ซื้อกินอยู่ 40 บาท ขึ้นอยู่ที่ว่า ถ้าเราใส่ใจแหล่งที่มา ก็สามารถเลือกสรรได้ ไม่แพงจนเกินไป”

เราฟังพี่ธีเล่าด้วยความสนใจใคร่รู้ พี่ธีบอกว่า ป้าหน่อย เป็นคนเริ่มต้นรับจัดเลี้ยงแบบรักษ์โลกและใส่ใจสุขภาพ มีเป้าหมายหลักคือ อันดับแรกคืออาหารไม่ใส่ผงชูรส อันดับที่สองคือ ปรุงสดใหม่ และเลือกสนับสนุนเกษตรอินทรีย์ไว้ให้ได้มากที่สุด โดยที่บางอย่างทำได้จริง อย่างเช่น ข้าว แต่ผักผลไม้ทางฝั่งอินทรีย์ ต้องยอมรับว่ามีข้อจำกัด แต่พยายามนำเสนอออกไปในทิศทางพอจะเป็นไปได้เช่น เมนูฮิตสลัดโรลดอกไม้ ซึ่งจะมีคนสนใจด้านความสวยงามควบคู่กับความปลอดภัย การรับประทานอาหารจึงประกอบด้วยเรื่องรสชาติ ความสวยงาม คุณค่า และความปลอดภัยที่คนทำธุรกิจต้องใส่ใจบริการให้กับลูกค้า

เรายังคงคุยกับพี่ธีอย่างออกรส การทำงานตอนนี้ของพี่ธีคือพยายามเน้นเกษตรอินทรีย์เป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม พี่ธีมองว่า บางอย่างมีข้อจำกัด ไม่ใช่ทำไม่ได้ เพราะว่าคือคำตอบของวันนี้ เราทำไปเรื่อย ๆ ระหว่างทางถ้าเราคิดว่ายาก แล้วเราไม่ทำ วันนี้มันอาจจะไม่มีทางเกิดขึ้น เพราะตอนนี้เครือข่ายเรายังทำกันอยู่ จึงทำให้ราคาข้าวลงมาได้

“ถ้าเรามีความคิดว่าเกษตรอินทรีย์เข้าถึงยาก แล้วเราไม่ทำ มันไม่มีทางเลยที่วันข้างหน้า คุณจะได้บริโภคเกษตรอินทรีย์ เพราะมันยังคงยากต่อไป และการกินอาหารอินทรีย์ คุณไม่จำเป็นต้องสุด คุณไม่ต้องกินตลอดเวลา”

การทำธุรกิจด้านอาหารที่ควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม พี่ธีให้มุมคิดกับเราว่า ธุรกิจกับสิ่งแวดล้อมนั้นเป็นเรื่องใกล้ตัว เราควรเตือนตัวเองอยู่ตลอด ช่วงเวลาอย่างเช่น มื้อหนึ่งที่ได้รับประทานอาหารไป วันนี้เราพกแก้วน้ำมาเอง ไม่ใช้แก้วพลาสติก และหลอด เหล่านี้เป็นเรื่องดีที่เราค่อย ๆ เริ่มทำ อย่างน้อยเราก็ได้เริ่มแล้ว

ส่วนเรื่องของการนำเสนอบริการอาหารนั้น พี่ธี อธิบายว่า เป็นสิ่งที่เขา และพี่มิ้มถกเถียงกันมาตลอดในการทำงาน แต่เมื่อทำงานด้วยกัน เขาจะบอกเสมอว่า ให้พี่มิ้มเป็นเจ้านาย มีอำนาจในการตัดสินใจ ส่วนด้านรสชาติอาหารให้ลูกค้าเป็นผู้ตัดสินใจ พี่ธีรู้สึกดีที่มีคนมาบอกว่าอาหารของดีมีคุณภาพ ซึ่งจะพยายามทำให้ดีขึ้นไปอีก

ในฐานะคนทำธุรกิจที่ต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พี่ธีอธิบายเพิ่มเติมจากคำถามของเราเรื่องการใช้บรรจุภัณฑ์สำหรับการจัดเลี้ยง การเริ่มต้นคือ ถ้าใช้ภาชนะแล้วล้างจะดีที่สุด แต่ถ้าใช้ไม่ได้เพราะมีข้อจำกัดบางอย่าง เราอาจจะมองหาภาชนะที่มาจากธรรมชาติ เช่น ภาชนะที่ผลิตมาจากกาบหมากเพราะย่อยสลายได้เร็ว พอพูดถึงจานกาบหมาก จานใบตอง ก็จะรวมไปถึงเรื่องกระดาษ เป็นกระดาษเคลือบหรือไม่เคลือบ สิ่งที่ดีที่สุดคือกระดาษใช้เยื่อธรรมชาติไม่เคลือบพลาสติก

“เราดำเนินชีวิตกันมาไม่ได้ถูกต้องเสมอหรอก คนเรามักจะทำผิดพลาดเสมอ เพียงแต่สิ่งสำคัญถ้าเราผิดพลาดแล้วยอมรับผิดได้แล้วเราแก้ไข” อย่างไรก็ตาม พลาสติกไม่ใช่ตัวร้ายเสมอไป เราไม่ใช่ไม่ใช้พลาสติกตลอดชีวิต เรายังคงวนเวียนอยู่กับพลาสติก แต่สิ่งสำคัญคือ การจัดการพลาสติก ไปร้านสะดวกซื้อ แล้วได้ถุงพลาสติกกลับมา เราสามารถทำเป็นถุงขยะได้ไหม สิ่งเหล่านี้ขึ้นอยู่กับกระบวนการความคิดที่จะจัดการ พี่ธีช่วยเติมเต็มแนวคิดด้านการรักษาสิ่งแวดล้อมให้เราได้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น

พี่ธี ไม่ได้เพียงทำธุรกิจเท่านั้น แต่ยังส่งต่อความรู้ที่มีอยู่ผ่านการทำเวิร์กชอปให้กับผู้ที่สนใจเรียนรู้อีกด้วย เวิร์กชอปแรกของเคี้ยวเขียวคือ จัดเลี้ยงอย่างไรใช้ทรัพยากรอย่างมีคุณค่า การจัดเลี้ยงแต่ละที่ เราจะมีวิธีการแยกขยะ วิธีการจัดการขยะให้เป็นปุ๋ย เรื่องราวเหล่านี้ที่เราออกไปคุยกับคนที่ได้เจอ เพื่อเป็นการมอบความรู้และสร้างการตระหนักเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อมไปในตัว ถือเป็นธุรกิจเพื่อสังคมอีกด้วย

จากการพูดคุยกับพี่ธีในวันนี้ เราได้ข้อคิดว่า สิ่งสำคัญคือการลงมือทำ แต่อย่าไปบีบคั้นตัวเองจนเกินไป ทำแล้วคิดว่าสนุก ไม่ต้องเปรียบเทียบกับคนอื่น การใช้ชีวิตแบบคิดถึงคนรอบข้างทำให้เราใส่ใจเสมอว่า เราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว ฉะนั้นสิ่งที่ต้องตระหนักให้มากคือ นึกถึงคนอื่นและสิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศที่อยู่รอบตัว

การเปลี่ยนชีวิตประจำวันให้ใส่ใจสิ่งแวดล้อมไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยาก หากสังคมเริ่มตระหนักถึงผลกระทบที่จะตามมาจากการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างสิ้นเปลือง แค่คิดก่อนใช้ ทำทุกวันสะสมไปเรื่อย ๆ จะเกิดเป็นผลดีต่อตนเองและสิ่งแวดล้อม ร่วมกันรักษาธรรมชาติให้อยู่กับเราไปนาน ๆ ด้วยการเลือกรับประทานอาหารที่ดี มีประโยชน์ ใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ เพียงเท่านี้ก็สามารถต่ออายุให้ธรรมชาติงดงาม และช่วยให้มนุษย์มีชีวิตอยู่อย่างยืนยาว