Poet House Café ดื่มด่ำกาแฟบ้านกวี แบบวิถีคนเมือง

“ที่บ้านทำอาหารกินเองอยู่แล้ว สูตรอาหารก็เป็นสูตรของคุณแม่ เราถึงเรียกว่าเป็นอาหารโฮมเมดแท้ ๆ” คำบอกเล่าของ พี่กาย พี่ชายแสนใจดี เจ้าของร้านคาเฟ่ในซอยอารีย์ที่เปลี่ยนบ้านหลังเก่าให้กลายเป็นคาเฟ่แสนอบอุ่นทำให้เรายิ่งหลงรัก Poet House Café มากยิ่งขึ้น

ก่อนจะมาที่นี่เราอ่านรีวิวมากมายเกี่ยวกับร้านนี้ บ้านคาเฟ่ของนักกวี คือชื่อเล่นที่พวกเราเรียก ที่นี่มีผู้ก่อตั้งสองท่าน ได้แก่ พี่ปอ-คุณณรยา จรูญศรี Interior designer ผู้เป็นเจ้าของบ้านและผู้ร่วมก่อตั้ง และพี่กาย-คุณชัยพฤกษ์ บุญญฤทธิ์ เจ้าของร้าน และศิษย์เก่าสาขาวารสารศาสตร์ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

เมื่อเราติดต่อขอสัมภาษณ์ รุ่นพี่ ม.กรุงเทพ แสนใจดี ผู้นี้แล้ว ‘พี่กาย’ ก็ไม่รอช้าที่จะเปิดโอกาสให้พวกเราได้เรียนรู้การทำงานในคาเฟ่แห่งนี้ด้วยความเต็มใจ

เรามาทำความรู้จัก ‘พี่กาย’ ให้มากขึ้นอีกนิด พี่กายเปิดเผยเรื่องราวในชีวิตให้เราฟังอย่างเป็นกันเองว่า ทุกอย่างต้องเริ่มจากสิ่งที่ตัวเองชอบ เหมือนกับตัวพี่กายเองที่รู้ตัวตั้งแต่มัธยมต้นว่า อยากเรียนนิเทศศาสตร์ แต่ชอบวิทยาศาสตร์จึงตัดสินใจเรียนสายวิทย์ ซึ่งก็ทำได้ดีมาตลอด แม้กระทั่งตอนเรียนมหาวิทยาลัยก็จบด้วยคะแนนเกียรตินิยม

“ถ้าเรารู้ว่าเราชอบอะไรมาก ๆ ชัดเจนกับมัน เราจะไม่รู้สึกว่าเราต้องไปเรียนหนังสือหรือเราต้องทำงาน ตอนเรียนนิเทศก็มีการถ่ายภาพ การเรียนมหาวิทยาลัยมันจะเหมือนกึ่งได้ทำอาชีพจริง ไม่เหมือนกับมัธยมที่จะต้องท่องหนังสือไปสอบ ก็คือถ้าได้เรียนในสิ่งที่ชอบก็จะไม่เครียดด้วย” พี่กายย้อนวันวานช่วงที่เรียน ม.กรุงเทพ ให้เราฟังด้วยรอยยิ้ม

หลังจากเรียนจบและทำงานสะสมประสบการณ์มามากมาย พี่กายและเพื่อนก็ร่วมกันเปิดร้านคาเฟ่เล็ก ๆ โดยใช้บ้านหลังเก่ามาปรับปรุงตกแต่งใหม่ โดยได้ ‘พี่ปอ’ มาควบคุมดูแลการตกแต่งทั้งหมด ส่วนตัวพี่กายนั้น ก็อยากให้ที่นี่เป็นอีกหนึ่งพื้นที่การเรียนรู้ เป็นเหมือนชุมชนที่คนสามารถมาเรียนรู้ร่วมกันด้วย การออกแบบคาเฟ่จึงเน้นให้เป็นพื้นที่สบาย ๆ เหมือนเราได้นั่งอยู่บ้านเพื่อนที่เข้าอกเข้าใจ และพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องที่สนใจร่วมกัน

พี่กายยังเล่าอีกว่า ตัวพี่กายเป็นคนชอบงานอีเวนต์ และมีประสบการณ์ทำงานด้านอีเวนต์มานาน จึงมีการจัดทำ Workshop ที่ร้าน เช่น สอนถ่ายภาพ สอนปั้นเซรามิค วาดภาพสีไม้ สีน้ำ โดยการทำ Workshop ในแต่ละครั้งเหมือนเป็นการได้คิดอีเวนต์ที่แตกต่างกันไปในแต่ละครั้ง เป็นการท้าทายตัวเอง

การที่คาเฟ่มีลูกค้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง เป็นเพราะว่าพี่กายเป็นคนช่างสังเกตและเข้าใจไลฟ์สไตล์ของคนเมือง พี่กายแชร์ประสบการณ์ว่า เป็นคนชอบดื่มกาแฟมาก ตั้งแต่สมัยทำงานดื่มกาแฟเยอะมาก ถึงขั้นที่ว่าถ้าเมล็ดกาแฟเดียวกันแต่ชงด้วยวิธีการที่แตกต่างกันก็สามารถบอกได้ ดื่มบ่อยจนมีบาริสต้ารู้ใจที่จำได้ว่าวันไหนควรชงกาแฟอย่างไรให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของวันนั้น เช่น ถ้าวันนี้พี่กายทำงานแล้วมีเวลาน้อย บาริสต้าจะชงกาแฟที่อุณหภูมิไม่สูงมากสามารถดื่มได้เลย

เพราะฉะนั้นเมนูแต่ละอย่างของ Poet House Café ที่สร้างสรรค์ขึ้นมา จึงตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ส่วนใหญ่เป็นคนทำงานได้ดี เรายังได้ค้นข้อมูลเพิ่มเติมประกอบกับคำบอกเล่าของพี่กายที่อธิบายว่า ย่านอารีย์แต่เดิมเป็นย่านที่อยู่อาศัยทำให้มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติครึ่ง ๆ เลย อาชีพฟรีแลนซ์และคนทำงานส่วนใหญ่ ภาพที่เห็นส่วนใหญ่เป็นลูกค้าที่มาใช้บริการแล้วนำคอมหรืองานมาทำด้วย หรือแม้แต่การมาประชุม บรีฟงานโปรเจคต่าง ๆ เกิน 70% คือ ลูกค้าประจำของร้าน ช่วงเปิดร้านแรก ๆ ทางร้านตั้งใจจะขายแค่กาแฟอย่างเดียว แต่ด้วยลูกค้าส่วนมากคือลูกค้าประจำที่มักมานั่งทำงานนานแล้วรู้สึกหิว ร้านจึงมีการขายอาหารด้วยจนตอนนี้กึ่ง ๆ เป็นร้านอาหารไปแล้ว

การทำคาเฟ่ต้องพิถีพิถันในการคิดเมนู เราจะจึงอดไม่ได้ที่จะให้พี่กายแนะนำเมนูซิกเนเจอร์ของร้าน ได้แก่ สปาเก็ตตี้กุ้งคั่วพริกเกลือ Earl Grey Maple with Cinnamon Smoked และ Blueberry cheesecake

สปาเก็ตตี้กุ้งคั่วพริกเกลือที่รวมกันระหว่างความเผ็ดร้อนของไทยและความเป็นสปาเก็ตตี้ของตะวันตก เป็นเมนูที่ได้จากการนำสูตรอาหารของคุณแม่มาปรับปรุง ให้เข้ากับคาเฟ่แห่งนี้ คนที่ชอบทานรสจัดต้องชอบอย่างแน่นอน

Earl Grey Maple with Cinnamon Smoked ชาเอิร์ลเกรย์ผสมไซรัปเมเปิ้ลเสิร์ฟคู่กับแท่งซินนามอนเบิร์นไฟ นำแท่งซินนามอนคนในแก้วกลิ่นและรสชาติก็จะเข้มข้นขึ้น เพิ่มความหอมให้โดดเด่นมากขึ้น

Blueberry cheesecake เป็นเค้กที่รสชาติหวานละมุน มีความสดชื่นจากบลูเบอร์รี่ เนื้อนุ่มแต่แน่น ผสานกับความกรอบของชั้นบิสกิตด้านล่างได้เป็นอย่างดี จัดเป็นเค้กที่กินเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อเลยทีเดียว ทานคู่กับเครื่องดื่มรับรองว่าฟินแน่นอน

ด้วยความละมุนละไมของเมนูแต่ละอย่างที่ทำอย่างประณีต อร่อยทั้งรสชาติ และหน้าตาของอาหารที่สวยงามแล้ว พี่กายบอกกับเราว่า “ที่บ้านทำอาหารกินเองอยู่แล้ว สูตรอาหารก็เป็นสูตรของคุณแม่ เราถึงเรียกว่าเป็นอาหารโฮมเมดแท้ ๆ เราทำทีละจานไม่ใช้ของฟรีซ เช่น บางร้านอาหารสั่งอาหารแป๊บเดียวจะมาเลย เพราะเขาฟรีซไว้แล้วแค่เอาไปอุ่น แต่ของทางร้านจะเป็นวัตถุดิบสดใหม่ทุกจาน”

“บ้านเรากินแบบไหนลูกค้าก็กินแบบนั้นด้วย ส่วนเครื่องดื่มอย่างที่บอกพี่ชอบกินกาแฟอยู่แล้ว กินกาแฟมาเยอะ กินเครื่องดื่มมาเยอะ ทั้งไทยและต่างประเทศ ก็ใช้องค์ความรู้ตัวเองนี่แหละมาปรับปรุงประกอบกับทีมบาริสต้าของที่ร้าน เป็นบาริสต้าที่มีประสบการณ์เรื่องกาแฟมายาวนานเหมือนกัน เราก็เอามาคุยกัน” การทำงานในวันทุกวันของ ‘พี่กาย’ จึงเต็มไปด้วยความสุขและการเรียนรู้เรื่องใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นทุกวัน

จากที่เราค้นคว้าข้อมูลมาจากอินเทอร์เน็ทพบว่า ย่านอารีย์มีคาเฟ่เป็นจำนวนมาก บวกกับปัจจุบันถ้าหากคนคิดจะลงทุนอะไรซักอย่าง การเปิดร้านคาเฟ่เปิดร้านกาแฟดูจะเป็นเลือกอันดับต้น ๆ เลยทีเดียว ทำให้มีคู่แข่งค่อนข้างมาก พี่กายแชร์มุมมองในเรื่องนี้ให้เราฟังว่า “ด้วยความที่พี่มีสกิลทางนิเทศค่อนข้างจะเยอะ แล้วก็ทำงานสะสมประสบการณ์กับงานประจำมาเกือบสิบปี ก็เลยเอาทักษะทั้งหมดมาใช้กับที่ร้าน ถ่ายรูปร้านเอง ทำมีเดียเอง เลือกแชแนลเอง โคพาร์ทเนอร์ชิป เวลาที่มีแบรนด์หรือเพจมาติดต่อ ภาพของร้านส่วนใหญ่พี่ก็ถ่ายเองด้วย”

พี่กายเล่าให้เราฟังด้วยความภาคภูมิใจว่าได้ใช้สิ่งที่เรียนรู้มาจากคณะนิเทศศาสตร์ ม.กรุงเทพ ประยุกต์ใช้ในการทำธุรกิจ ประกอบกับพี่กายเป็นคนที่ชอบสะสมประสบการณ์ใหม่อยู่เสมอ ทำให้ร้าน Poet House Café ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมี Workshop ใหม่ ๆ ให้ผู้มาเยือนได้เรียนรู้อยู่ตลอด ที่นี่จึงเป็นบ้านหลังเล็กที่มีชีวิต และมีผู้คนเดินทางเข้ามาดื่มด่ำกับบรรยากาศแสนอบอุ่นอยู่เสมอ

เรื่องราวของ ‘พี่กาย’ นักสะสมประสบการณ์ นักคิด นักธุรกิจสร้างสรรค์ที่มองหาโอกาสใหม่ ๆ ให้ตัวเองอยู่เสมอ กับธุรกิจเล็ก ๆ ที่เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่า ทุกอย่างต้องเริ่มจากความชอบ ประสบการณ์ และความสามารถ แล้วจึงนำมาใช้สร้างอาชีพหรือทำสิ่งที่รัก หากมุ่งมั่นแล้วสุดท้ายผลลัพธ์จะออกมาดีดังหวังอย่างแน่นอน

Poet House Café เปิดทุกวัน 9 โมงถึง 2 ทุ่ม เดินทางมาด้วยรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีอารีย์ ทางออก 3 เดินย้อนเข้ามาซอยอารีย์ 5 จะนั่งวินมอเตอร์ไซด์ แท๊กซี่ หรือเดินเข้าซอยก็ได้ หากเดินทางมาด้วยรถส่วนตัว ทางร้านก็มีลานจอดรถให้