จากเด็กคนหนึ่งที่มีความฝันเข้าสู่วงการสื่อกีฬา ในวันนี้ผู้เขียนได้เดินตามความฝันของตัวเองมาอีกก้าวหนึ่ง เพราะได้โอกาสฝึกงานกับ ‘ทรูไอดี สปอร์ต’ พร้อมกับบทเรียนทั้งความรู้ด้านกีฬา และการสร้างความสัมพันธ์ในการทำงาน อยากให้ทุกคนติดตามเรื่องราวของผู้เขียน ชุนก้า-ศาสน์ สายันเกณะ นักศึกษาสาขาวารสารศาสตร์ดิจิทัล คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

ชุนก้า-ศาสน์ สายันเกณะ นักศึกษาฝึกงาน ทรูไอดี สปอร์ต

จุดเริ่มต้น ‘คนรักกีฬา’ สู่การได้ฝึกงานที่ตัวเองรัก

หลังจากจบชั้นปีที่ 3 ก้าวย่างเข้าสู่ช่วงซัมเมอร์ของชั้นปีที่ 4 เป็นช่วงเวลาที่นักศึกษาส่วนใหญ่เข้าฝึกงาน โดยมหาวิทยาลัยของผู้เขียนกำหนดให้นักศึกษาเข้าฝึกงานช่วงซัมเมอร์ เป็นระยะเวลาสองเดือนครึ่ง ถือเป็นโอกาสท้าทายในชีวิตของตัวเองที่จะได้ไปเรียนรู้ชีวิตก่อนการทำงานจริง ซึ่งผู้เขียนมองถึงสายงานที่คิดไว้ว่าจบแล้วต้องการทำมากที่สุดคือ ‘สื่อมวลชนกีฬา’ เพราะมีความชื่นชอบ และคลั่งไคล้เกี่ยวกับวงการกีฬา โดยเฉพาะฟุตบอล ทั้งการติดตามถ่ายทอดสด ข่าวสารความเคลื่อนไหว และอ่านบทความงานเขียนอยู่ตลอดเวลา

จากนั้นทำให้ผู้เขียนติดต่อกับ บริษัท ทรู ดิจิทัล แอนด์ มีเดีย แพลตฟอร์ม หรือที่รู้จักในนาม ‘ทรูไอดี สปอร์ต’ บริษัทเน้นการทำข่าวสาร หรือคอนเทนต์เกี่ยวกับฟุตบอลเป็นหลัก ด้วยชื่อเสียงในด้านการรายงานข่าวที่รวดเร็ว ตรงไปตรงมา เชื่อถือได้ และบทความงานเขียนที่น่าอ่าน จึงเป็นเหตุผลที่ตัดสินใจสมัครฝึกงานที่นี่ เพราะสามารถตอบโจทย์ทุกอย่างที่ผู้เขียนฝันไว้

การมีปฏิสัมพันธ์ การทำความรู้จักผู้คน คือสิ่งที่ขาดไม่ได้กับสังคมการทำงาน ทำให้ผู้เขียนได้คิดคำนึงถึงตรงส่วนนี้ด้วย การศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อเตรียมตัวก่อนการเข้าฝึกงานว่าควรจะต้องมีเทคนิคการปรับตัวอย่างไร เป็นสิ่งที่ผู้เขียนให้ความสำคัญ

หลังจากที่ได้มีการติดต่อขอฝึกงานในระยะเวลาไม่กี่วัน ทางหัวหน้ากองบรรณาธิการ ทรูไอดี สปอร์ต ได้ติดต่อกับผู้เขียนผ่านทางโทรศัพท์เพื่อยืนยันรับเข้าฝึกงาน ซึ่งอารมณ์ในขณะที่ได้ยินเสียงตอบรับ ทำให้รู้สึกมีความดีใจ และมีความตื่นเต้นกับโอกาสครั้งแรกในการเข้าสู่วงการสื่อสารมวลชนกีฬา ผู้เขียนจึงได้ตอบคำถามที่หัวหน้ากองบรรณาธิการถามเล็กน้อย พร้อมกับกล่าวคำว่า “ขอบคุณครับ” ก่อนที่จะวางสายในที่สุด

“ทำไมถึงเลือกที่จะฝึกงานที่นี่ และคาดหวังอย่างไรบ้างกับการฝึกงาน” ประโยคที่หัวหน้ากองบรรณาธิการ ทรูไอดี สปอร์ต ถามด้วยสีหน้าที่มีรอยยิ้มให้กับผู้เขียน หลังจากที่ได้พบกันในวันเข้าฝึกงานครั้งแรกที่ ทรู ดิจิทัล พาร์ค ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของออฟฟิศ ทรูไอดี สปอร์ต

ผู้เขียนจึงได้ตอบกลับด้วยความมั่นใจว่า “เพราะที่นี่เน้นสร้างเกี่ยวกับคอนเทนต์กีฬา การรายงานข่าวที่มีความรวดเร็ว ตรงไปตรงมา รวมถึงมีทีมงานที่มีความเป็นมืออาชีพ ปกติผมเป็นคนที่ติดตามบทความงานเขียนจากที่นี่มาโดยตลอด อยากเป็นส่วนหนึ่งของทรูไอดี สปอร์ต และพร้อมศึกษาเรียนรู้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้ได้มากที่สุดครับ”

งานเขียนข่าว แปลข่าวจากต่างประเทศ และคิดประเด็นเพื่อเขียนบทความสกู๊ปกีฬา คืองานประจำที่ผู้เขียนทำตลอดในช่วงที่ประจำการอยู่ในออฟฟิศ หรือถ้าหากมีการประชุมโต๊ะกีฬา บางครั้งก็จะนำงานไปทำนอกสถานที่อย่างตามร้านกาแฟทั่วไป ถือว่าเป็นสิ่งที่ท้าทายในการเริ่มต้นงานแรกของชีวิตตัวเองกับสถานการณ์จริง

จากที่ชีวิตประจำวันปกติโดยทั่วไปจะเขียนงานลงบนเพจเฟซบุ๊ก หรือเรียกได้ว่าเป็นโลกใบเล็กของตัวเองก็ว่าได้ เพื่อถ่ายทอดในสิ่งที่รักคือฟุตบอลไทย การทำงานในแต่ละครั้งผู้เขียนได้คำนึงถึงอยู่ตลอดว่างานทุกชิ้นที่ลงมือเขียน และเผยแพร่ออกไปไม่ว่าชิ้นงานลงที่ไหนก็ตาม จะต้องมีคุณภาพ มีความถูกต้อง และสามารถถ่ายทอดข้อมูลความรู้ที่มีให้ผู้อ่านได้อย่างดี มีประสิทธิภาพ

งานภาคสนาม ก้าวสำคัญในการทำงานจริง

งานภาคสนามคือสิ่งปรารถนามาโดยตลอดว่าถ้ามีโอกาสจะต้องก้าวไปให้ได้ ในเมื่อโอกาสมาถึงแล้วก็ต้องรีบคว้า งานสื่อมวลชนต้องใช้ความมีมนุษยสัมพันธ์ในการทำงานสูงกว่าการทำงานในออฟฟิศ เนื่องจากต้องพบเจอกับคนมากมาย ที่เป็นแหล่งข่าว หรือสื่อมวลชนคนอื่นบวกกับต้องมีความกระตือรือร้นในการเก็บข้อมูลมากขึ้น

เริ่มจากการไปสนามฟุตบอล แพท สเตเดี้ยม เพื่อไปทำข่าวการแข่งขันฟุตบอล ไทยลีก 2019 ระหว่าง การท่าเรือ เอฟซี พบกับ เชียงใหม่ เอฟซี โดยภาคสนามครั้งแรกเกิดจากการที่ผู้เขียนได้แสดงความตั้งใจต้องการขอติดตามหัวหน้ากองบรรณาธิการไปช่วยทำข่าว ความตั้งใจครั้งนี้ทำให้พี่บรรณาธิการตัดสินใจที่จะดึงตัวไปทำงานด้วยในที่สุด

สนามฟุตบอล แพท สเตเดี้ยม สถานที่เริ่มต้นในการฝึกงาน ผู้สื่อข่าวภาคสนาม ในการแข่งขันฟุตบอล ไทยลีก 2019
กรกช วิริยอุดมศิริ (ซ้าย) ศศลักษณ์ ไหประโคน (ขวา) นักฟุตบอลทีมชาติไทย จากสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

ต่อมาคือไปทำข่าวศึกฟุตบอล คิงส์ คัพ 2019 ที่จัดขึ้นที่สนาม ช้าง อารีน่า จังหวัดบุรีรัมย์ ในช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2562 เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ โดยการออกไปทำข่าวนอกสถานที่ถือว่าเป็นครั้งแรกของตัวเองที่ได้มีโอกาสได้ออกไปนอกสถานที่ไกลที่สุด ระหว่างนั้นจึงได้มีโอกาสสัมภาษณ์ กรกช วิริยอุดมศิริ และศศลักษณ์ ไหประโคน นักฟุตบอลทีมชาติไทย จากสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เพื่อนำไปประกอบในบทความงานเขียนของตัวเอง

หลังจบศึกคิงส์ คัพ 2019 แล้ว ก็ได้มีโอกาสไปงานแถลงข่าวของ คิงส์ พาวเวอร์ กับการเปิดตัวนักเตะเยาวชนที่ผ่านการคัดเลือกในโครงการ ฟ็อกซ์ ฮันท์ และงานแถลงข่าวเปิดตัวนักฟุตบอลของสโมสร ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด

แต่ละครั้งที่ได้ออกไปทำข่าวภาคสนาม ทำให้ได้เรียนรู้ในหลาย ๆ อย่าง ทั้งการปฏิบัติงานในสถานการณ์จริงจากรุ่นพี่ การสัมภาษณ์ตั้งคำถามกับแหล่งข่าวในงานแถลงข่าว รวมถึงการเข้าหาพบปะกับสื่อมวลชนมากมายหลายสำนัก ทั้งไทย และต่างชาติ จึงเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ด้วยการทักทาย ทำความรู้จัก และทำกิจกรรมร่วมกัน ตรงส่วนนี้ผู้เขียนมองว่าโอกาสนี้ไม่ได้มีมาง่าย ๆ ที่สื่อมวลชนจะมีการนัดรวมตัวกันในแต่ละครั้ง นอกจากจะได้รู้จักกันแล้ว ก็ยังได้แลกเปลี่ยนข้อมูลและช่องการติดต่อระหว่างกัน

ทีมงาน ทรูไอดี สปอร์ต นำโดย ‘บก.เก้น’ นิติพงษ์ ยวนตระกูล (เสื้อสีขาว) หัวหน้ากองบรรณาธิการ

หัวหน้ากองบรรณาธิการ ทรูไอดี สปอร์ต ได้ให้คำแนะนำกับผู้เขียนเหมือนกับรุ่นพี่สอนรุ่นน้องอย่างเป็นกันเอง เพื่อเป็นบทเรียนในการนำไปปรับปรุงแก้ไขพัฒนาตัวเอง คือ การเพิ่มความกล้าของตัวเอง ส่วนนี้ยังเป็นจุดบกพร่องในการฝึกงาน 

“ถึงแม้ว่าจะมีความกล้าในการพูดคุยเข้าหาทำความรู้จักกับคนอื่น แต่ตัวเองจะต้องไม่ลืมที่จะแสดงคาแรคเตอร์ที่บ่งบอกความเป็นตัวเอง มีความมั่นใจ ความรอบคอบ และความผิดพลาดคือสิ่งที่จะต้องเรียนรู้ วิเคราะห์ให้ละเอียดเพื่อให้เราปรับปรุงตนเอง”

ประสบการณ์การทำงานจริงในสายกีฬา

ประสบการณ์จริงการทำงานในออฟฟิศ และภาคสนามของการทำงานสื่อมวลชนกีฬา สิ่งสำคัญที่ได้รับจากการมีมนุษยสัมพันธ์ คือโอกาสในการก้าวเข้ามาสู่สายงานสื่อมวลชนกีฬาในอนาคต นอกจากนี้ก็ยังได้ทักษะในสายงานข่าว ทั้งการจับประเด็นที่เหมาะสม การสัมภาษณ์เข้าถึงแหล่งข่าวได้อย่างเป็นกันเอง และทักษะด้านภาษาที่ได้จากการแปลข่าวมากขึ้น

สำหรับนักศึกษาที่กำลังเตรียมตัวในการฝึกงานต้องมีความมั่นใจในตัวเอง หากมีข้อสงสัยทำอะไรไม่ได้ตรงไหน สามารถขอคำแนะนำจากรุ่นพี่ที่ดูแลได้ รุ่นพี่พร้อมที่จะคำแนะนำอยู่เสมอ รวมถึงเรียนรู้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ พัฒนาทักษะการเรียนรู้ เพื่อนำไปใช้ได้กับการทำงานจริงในอนาคตได้

ผู้เขียนขอยกเคล็ดลับในการมีมนุษยสัมพันธ์ ที่ได้พบเจอจากประสบการณ์จริง ตั้งแต่การกล่าวทักทาย มีความจริงใจ ให้ความร่วมมือ กล่าวคำชมผู้อื่น ให้คำปรึกษา รับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย และให้ความช่วยเหลือรุ่นพี่และเพื่อนร่วมงาน ทั้งหมดเหล่านี้เชื่อว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการอยู่ร่วมในสังคมการทำงานให้ราบรื่น ประสบความสำเร็จ ทำให้เป็นที่ไว้วางใจ และเป็นที่รักในการทำงานอีกด้วย

Additional Information

ผลงานชิ้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา CJR402 Journalism Internship Section 4222 ภาคการศึกษาที่ 1/2 2562 คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ อาจารย์ที่ปรึกษา ผศ.ขจรจิต บุนนาค

Writer & Photographer

บรรณาธิการโต๊ะกีฬาบ้านกล้วย หนุ่มไฟแรงที่ชื่นชอบติดตามเทรนด์กีฬาอยู่ตลอดเวลา พร้อมแล้วที่จะอาสาเสิร์ฟข้อมูลความเคลื่อนไหว รวมถึงบทความเจาะลึกจัดเต็มในแวดวงกีฬา ให้ได้ลิ้มลอง