“สิ่งที่จะพาเราไปถึงจุดที่เราอยากไป ก็มีแค่ตัวเราเองนั่นแหละที่ต้องทำ”

เป้าหมายในชีวิตของแต่ละคนล้วนแตกต่างกันไป มีคนจำนวนไม่น้อยที่ผิดหวังจากเป้าหมายที่ตัวเองวาดฝันเอาไว้ แน่นอนว่ากว่าจะประสบความสำเร็จได้นั้น จะต้องใช้ความพยายามในการต่อสู้บนเส้นทางที่เต็มไปด้วยอุปสรรคเพื่อให้ได้มาซึ่งความฝันและความสำเร็จของชีวิต เช่นเดียวกับเขาคนนี้ที่รักในเส้นทางสายดนตรีและเสียงเพลงมาตลอด

เราพูดคุยกับ พี่ลัม-ภาคิน นิเต็ม ศิษย์เก่าคณะนิเทศศาสตร์ สาขาวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ชายหนุ่มผู้ถ่ายทอดเรื่องราวความรักของเพื่อนสนิทผ่านบทเพลงจนกลายมาเป็นเพลง ไม่จำว่าต้องลืม ซิงเกิลแรกที่ทำให้เขากลายเป็นที่รู้จักบนเส้นทางศิลปินอย่างเต็มตัว

เพลงไม่จำว่าต้องลืมของพี่ลัมที่พึ่งจะปล่อยออกมาให้ฟังเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมานั้น ใช้เวลาเพียงไม่ถึง 2 สัปดาห์ ก็มียอดวิวพุ่งสู่ 3 ล้านวิว และทำให้เขากลายเป็นที่รู้จักในชั่วพริบตาและทัวร์คอนเสิร์ตตลอดไม่ขาดสาย

จากบทสัมภาษณ์นี้ เราจะมาตามหาคำตอบถึงการเดินทางสายดนตรีของเขาตั้งแต่วันแรกไปจนถึงวันที่เขาเดินอยู่บนบันไดแห่งการประสบความสำเร็จ การค้นหาตนเองจากความชอบด้านดนตรี การได้ก้าวเข้าสู่การเป็นนักร้องหรือศิลปินที่เริ่มมีชื่อเสียง จากเพียงแค่ประโยคคำปฏิญาณสั้น ๆ ว่า ‘ต้องเป็นศิลปินให้ได้’

เพิ่งค้นพบว่าอยากร้องเพลงตอนเข้ามหาวิทยาลัย

ตอนแรกพี่ไม่ได้เป็นนักร้อง พี่เป็นมือกีตาร์มาก่อน ตอนประมาณสัก ม.1-ม.3 ตอนนั้นจะเล่นกีตาร์อย่างเดียวเลย เล่นกีตาร์ด้วยและร้องเพลงไปด้วย แต่เราก็ไม่ได้คิดว่าเราร้องเพลงดีจนถึงขนาดขั้นจะเป็นนักร้อง แต่ว่าพอเข้ามหาวิทยาลัยก็รู้สึกว่า เราก็อยากร้องเพลง ลองร้องดูแล้วก็ไปประกวด ผ่านเข้ารอบไป ก็ยังรู้สึกงง ๆ เหมือนกันตอนประกวดว่า เฮ้ย เราผ่านเข้าไปได้ยังไง ก็น่าจะเป็นช่วงมหาวิทยาลัยที่ชอบร้องเพลง แต่ว่าเริ่มเล่นดนตรีมาตั้งแต่มัธยมต้นแล้ว

เส้นทางการเป็นศิลปิน

เอาจริง ๆ ตั้งแต่เรียนจบจากม.กรุงเทพ พี่ก็ตั้งเป้าเลยว่าจะเป็นศิลปินให้ได้ ยังไงก็จะต้องเป็นให้ได้ เพราะมันคือความฝันตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว และได้มาคุยกับค่าย khaosan Entertainment พอดี พี่ก็เห็นผลงานมาก่อนจากเพลงพี่พั้นช์-วรกาญจน์ พี่เอ็ม-อรรถพล ค่ายนี้เป็นค่ายใหม่ ก็โอเค มาลองดู มาลองคุยกันดู

ซิงเกิลแรกพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส

เพลงซิงเกิลแรก ไม่จำว่าต้องลืม เป็นเรื่องราวของเพื่อนพี่ที่เขาอกหักจากแฟน แฟนของเขาไปมีคนใหม่ เขาก็เลยมาเล่าให้ฟังว่าทำไมเขายังจำทุกเรื่องราวได้อยู่ แต่ทำไมคนนั้นไม่จำแบบเขาบ้าง พี่ก็คุยกับมันมาตลอด เราก็เห็นความเศร้าของมัน เห็นความคิดถึงของมัน เราก็เลย เดี๋ยวเขียนเพลงให้เพื่อนสักเพลงดีกว่า มันชอบเล่าถึงความทรงจำที่มันมีกับแฟนเก่า พี่ก็เลย ‘อะ กูเขียนเพลงให้มึงละกัน’ ประมาณนี้

ร่วมมือกับโปรดิวเซอร์ระดับโปรในวงการเพลงไทย

เริ่มเรื่องก่อนเลยจากที่พี่ไปฟังเพื่อนมา แล้วก็ไปคุยกับผู้ใหญ่ เขาก็ให้พี่กลับมาทำดนตรีกับทำนอง พี่ทำดนตรีและทำนองร่วมกับโปรดิวเซอร์ ซึ่งโปรดิวเซอร์ของพี่คนนี้คือ พี่เม้ง มือกีตาร์เก่าของวง No More Tear แล้วก็พอพี่ทำดนตรีกับทำนองไปแล้วเนี่ย ทางผู้ใหญ่เลยให้พี่อีกคนหนึ่งเขียนเนื้อเพลงให้ และได้ พี่โจ-เหมือนเพชร อำมะระ ที่เป็นคนเขียนเนื้อเพลงให้กับ Potato หลายเพลง อย่างเพลง ‘ทิ้งไว้กลาง’ ก็ด้วย พี่เขาเขียนเพลงดังมาเยอะมาก พี่เลยคิดว่า ถ้ามีคนมีประสบการณ์มากกว่าพี่มาเขียนเนื้อเพลงให้ก็น่าจะดี

พี่เม้ง มือกีตาร์เก่าของวง No More Tear และ จาเรด เลโท

เมื่อมีเป้าหมายก็ต้องมีต้นแบบ

ไอดอลของพี่ตลอดกาลคือคนนี้คนเดียวเลย ก็คือ จาเรด เลโท เขาเป็นนักร้องของวงเทอร์ตีเซคันส์ทูมาส์ (Thirty Seconds to Mars) เป็นนักร้องวงร็อคที่ดังมาก ๆ ประสบความสำเร็จมาก และเขามาเล่นเป็นนักแสดงและประสบความสำเร็จทางด้านการแสดงด้วย คือเขาประสบความสำเร็จทุกด้านเลยที่เขาทำ

ปัญหาคือการเรียนรู้

ปัญหามันมีเยอะมาตลอดเลย พี่ว่าจริง ๆ แล้วทุกอาชีพมันต้องมีปัญหาอยู่แล้วแหละ มันต้องมีอะไรที่เป็นอุปสรรคอยู่แล้ว แต่ว่าสิ่งที่มันจะมาขัดขวางเราอย่างเดียวเลยก็คือตัวเราเอง เราต้องพยายามให้มากที่สุด ถ้าเราฝันแต่เราไม่ทำมัน มันก็จะเป็นได้แค่ฝัน พี่ว่าความฝันมันไม่มีใครมองเห็นนอกจากตัวเราเอง

เราต้องทำให้จริงจัง มั่นใจ และต้องวางแผนกับมันด้วย ปัญหามีเยอะแยะ เศร้าเยอะแยะ ทำไมร้องเพลงแล้วไม่มีคนฟังเรา ทำไมคนเขาไม่รู้สึกร่วมไปกับเรา มันก็ต้องแก้ไขกันไปเรื่อย ๆ มันอยู่ที่ประสบการณ์ แล้วก็อยู่ที่การฝึกซ้อมเยอะ ๆ มันเกี่ยวกันหมดเลย

ความฝันที่กำลังก้าวเดินต่อ

สำหรับพี่ พี่ว่ายังไม่ประสบความสำเร็จนะ เพราะว่าพี่ไม่เคยมองว่ายอดวิวเท่าไหร่แล้วจะประสบความสำเร็จ หรือเรามีงานเยอะเท่าไหร่มันจะประสบความสำเร็จ พี่ว่าถ้าเราประสบความสำเร็จมันจะอยู่ที่ตัวเราเอง เราจะรู้ตัวเองว่าเราประสบความสำเร็จแล้ว แต่ตอนนี้พี่ยังรู้สึกว่าพี่ยังไม่ประสบความสำเร็จ เพราะว่าพี่คิดว่าตัวเองยังไปได้อีก ก็ช่วงนี้ก็ทำเพลงอยู่เรื่อย ๆ ครับ แล้วก็มีงานไปร้องเพลงบ้าง นี่ก็เพิ่งกลับมาจากขอนแก่น ตอนนี้ร้องเพลง แล้วก็ทำงานเพลงอย่างเดียวเลย

เราเริ่มมีคนมาตามแล้ว คนก็เริ่มจำหน้าจำเพลงเราได้บ้างแล้ว ก็คงต้องลุยต่อ ส่วนเพลงที่สอง เมโลดี้กับดนตรีก็เสร็จไปแล้ว ตอนนี้กำลังทำเนื้อเพลงกันอยู่ และเพลงที่สองจะมี MV ด้วย เพลงก็น่าจะออกมาเรื่อย ๆ ปีหน้าก็คงออกเพลงเยอะเหมือนกัน แล้วก็จะมีทัวร์ ปีหน้าน่าจะสนุกและเหนื่อยมาก ชัวร์เลย

ส่งกำลังใจให้คนมีฝัน

พี่ว่าคนที่ทำเพลงออกมา คนที่เล่นดนตรีหรืออะไร ทุกคนเขามีความฝันหมด บางคนอยากเป็นศิลปิน บางคนอยากมีเพลงสักเพลงที่ดัง พี่ว่ามันอยู่ที่วิธีคิดมากกว่า ถ้าเราคิดว่าเราจะทำได้เดี๋ยวมันจะทำได้เอง ด้วยสภาพแวดล้อม ด้วยการทำงานของเรา แล้วก็บุคคลรอบข้างเรา ถ้าเราคิดว่าทำได้ เดี๋ยวมันจะได้เอง แค่ไม่ท้อแค่นั้น พี่ว่ามันก็จะไปได้ถึงเป้าหมายนั้น วงการนี้มันแข่งกันเยอะมาก แล้วคนก็เก่ง ๆ กันทั้งนั้น สิ่งที่จะพาเราไปถึงจุดที่เราอยากไป ก็มีแค่ตัวเราเองนั่นแหละที่ต้องทำ

จากเรื่องราวของ พี่ลัม-ภาคิน นิเต็ม คนดนตรีคุณภาพ เราจะเห็นได้เลยว่าเส้นทางสายดนตรีนั้นเป็นเรื่องท้าทายที่กว่าจะทำเพลงหนึ่งเพลงให้เป็นรู้จัก ต้องใช้องค์ประกอบหลายอย่าง หากเรามีความมุ่งมั่นตั้งใจแล้ว ขอเพียงแค่ลงมือทำตามสิ่งที่ฝัน แค่เชื่อมั่นในตนเอง ฝึกซ้อมและมองปัญหาให้ออก เราก็จะสามารถก้าวข้ามผ่านอุปสรรคและประสบความสำเร็จได้นั่นเอง

ติดตามคุณลัม-ภาคิน นิเต็ม เพิ่มเติมได้ที่

Additional Information

ผลงานชิ้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา CJR311, JR311 Journalistic Writing across Media Section 3421 ภาคการศึกษาที่ 1/2 2563 คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ อาจารย์ที่ปรึกษา ผศ.นันทวิช เหล่าวิชยา

Writer

เวลาจะมีค่ามากขึ้น ตอนใกล้จะหมดเวลา