การมีเป้าหมาย พลังการคิดบวก และการสนับสนุนจากครอบครัว ทำให้เป็นแรงผลักดันสำคัญในการใช้ชีวิตและส่งต่อแรงบันดาลใจให้คนรอบข้างได้ นี่คือแรงลมใต้ปีกของสาวน้อยคนหนึ่งที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม เธอจะทำมันอย่างเต็มที่ด้วยแรงกายแรงใจทั้งหมดที่มี

เมย์นี่-เมธาวี ซินหลิว BUCA Talent รุ่นที่ 7 นักศึกษาสาขาวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และการผลิตสื่อสตรีมมิ่ง (Broadcasting and Streaming Media Production) คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ หญิงสาวที่มาพร้อมกับความสดใสและพลังงานที่แสนเปี่ยมล้น กับมุมมองด้านการทำงานและแรงบันดาลใจที่ไม่เคยหมดลง ซึ่งเธอหวังจะได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างพลังใจให้กับผู้คน

ความสร้างสรรค์ที่มีอยู่ในตัวตน

เมย์นี่เล่าให้เราฟัง เพราะคำว่า ‘ความแตกต่างและทุนการศึกษา’ เป็นสิ่งที่ทำให้เธอตัดสินใจมาเรียนที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ก่อนจะเล่าถึงที่มาและความเป็นไปของคำว่า ‘เด็กทุน’

การได้รับทุนโครงการ BUCA Talent ทำให้เธอได้เปิดโลกของการเรียนรู้ในรูปแบบใหม่มากมาย เติบโตขึ้นกว่าเดิม BUCA Talent เป็นโครงการที่คัดเลือกนักเรียนมัธยมปลายทั่วประเทศที่มีใจรักการเรียนรู้ด้านนิเทศศาสตร์เข้ามารับทุนเป็นนักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

วันที่ได้กลายมาเป็นเด็กทุน เธอเรียนรู้ผ่านการลงมือปฏิบัติจริง จากประสบการณ์จริง ซึ่งมีความท้าทายเป็นอย่างมาก งานหลักของเด็กทุนที่เธอได้ยกตัวอย่างให้ฟังคืองาน Open House ของมหาวิทยาลัยกรุงเทพที่จะมีการจัดขึ้นเป็นประจำในทุกปี

“ตอนนี้เมย์นี่เป็นประธานฝ่ายกิจกรรมของ BUCA Talent ค่ะ” เธอพูดด้วยรอยยิ้มและเล่าต่ออีกว่า งานหลักของเธอจะอยู่ในฝ่ายออแกไนซ์ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นฝ่ายมันสมอง หน้าที่หลักคือการคิดและดูแลงานทุกอย่าง แต่เมื่อเธอมีโอกาสได้ออกไปร่วมงานกับทีม ‘กองถ่าย’ ซึ่งเป็นการทำงานของทีมโปรดักส์ชั่น เธอจะคอยช่วยเหลือทางด้านแฟชั่นและการแต่งกาย ตลอดจนช่วยดูแลในส่วนของการแต่งหน้า หรือที่เรามักจะเรียกว่าฝ่ายคอสตูม

จากวิชาภาษาไทยสู่การเป็นเด็กกิจกรรม

เมย์นี่ฉายแววการเป็นเด็กกิจกรรมมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม “ตอนเด็กเราเคยย้ายโรงเรียน ด้วยความกลัวว่าจะเรียนไม่ทันคนอื่น เลยยอมทำทุกวิถีทาง” นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นครั้งสำคัญของการได้ทำกิจกรรมมากมายของเมย์นี่

เธอเล่าว่าเคยอยากได้คะแนนวิชาภาษาไทย จึงยอมประกวดร้องเพลงเพื่อทำคะแนน แต่หลังจากนั้นพอมีกิจกรรมการประกวดหรืองานแข่งขันร้องเพลง เมย์นี่ก็ไม่เคยปล่อยให้โอกาสหลุดลอยอีกเลย ซึ่งเพียงไม่นานความสามารถทางด้านพิธีกรก็ฉายแววขึ้น ภายหลังในช่วงมัธยมปลายเธอจึงได้รับเลือกให้เป็นสภานักเรียนและได้เป็นส่วนหนึ่งของวงโยธวาทิต แต่ความสามารถพิเศษของหญิงสาวคนนี้ไม่ได้มีดีเพียงแค่นั้น เพราะเธอยังได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในสมาชิกวงดนตรีลูกทุ่งของโรงเรียนอีกด้วย

เมื่ออยู่ถูกที่...เราจึงมีคุณค่า

“งานในมหาวิทยาลัยหนูเยอะมากเลยค่ะ” เมย์นี่หัวเราะเล็กน้อยก่อนเอ่ยว่า ตอนปีหนึ่งเธออยู่สองชมรมและหนึ่งกลุ่มกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็น ‘ชมรมดนตรีสากลขับร้องและประสานเสียง’ และ ‘ชมรมปาฐกถาและโต้วาที’ โดยทั้งสองชมรมนี้ได้เปิดพื้นที่ให้เธอแสดงความสามารถ ที่มีทั้งเรื่องการร้องเพลง การพูดและการเป็นพิธีกร ส่วนหนึ่งกลุ่มกิจกรรมนั่นคือ ‘ครอบครัวละครนิเทศศาสตร์’ ซึ่งเป็นกลุ่มกิจกรรมที่ทำให้เมย์นี่ได้พัฒนาทักษะทางด้านการเป็นนักแสดง

เมย์นี่เล่าถึงงานในรั้วมหาวิทยาลัยไปแล้ว ก็ไม่พลาดที่จะเอ่ยถึงงานนอกรั้วมหาวิทยาลัยให้เราฟัง

“เราได้เป็นหนึ่งในคณะกรรมการยุวชนประชาธิปไตยภาคใต้เลยค่ะ” เมย์นี่อธิบายต่อว่า เป็นการทำงานที่เกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของรัฐสภา โดยจะมีการจัดค่ายขึ้นตามสถานที่ต่าง ๆ เพื่อให้เด็กไทยได้รู้จักกับความเป็นประชาธิปไตย และได้รู้จักสิทธิเสรีภาพหรือหน้าที่ของตัวเองมากยิ่งขึ้น เพื่อนำความรู้ที่ได้ไปใช้ได้อย่างถูกต้อง

เธอยังเล่าถึงกิจกรรมที่ทำอีกว่า นอกจากการเป็นคณะกรรมการยุวชนประชาธิปไตยภาคใต้แล้ว งานนอกรั้วมหาวิทยาลัยของเธอก็คือ การเป็น Youtuber ซึ่งงานนี้เป็นงานที่เธอได้ทำร่วมกับเพื่อนสนิทอีกหนึ่งคน โดยเนื้อหาภายในช่อง KANOMGON นั้น เมย์นี่อยากนำเสนอความเป็นตัวเอง การใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์ รวมไปถึงการคัฟเวอร์เพลงดังอีกด้วย

เปลี่ยนคำบูลลี่ให้เป็นพลัง

กว่าจะยืนหยัดและใช้ชีวิตวัยรุ่นได้อย่างสนุกสนาน เมย์นี่เคยผ่านการถูกกลั่นแกล้งหรือบูลลี่มาบ้าง แต่เธอเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนคำบูลลี่เหล่านั้นให้กลายเป็นพลัง

เมย์นี่แชร์ประสบการณ์ให้ฟังเกี่ยวกับการบูลลี่ว่า ตนเองเคยพบกับการถูกบูลลี่ เธอบอกเราว่า “ยังคบกับคนที่บูลลี่เรา เพราะว่าแต่ละคนได้รับการเลี้ยงดูมาไม่เหมือนกัน แค่อาจจะไม่ได้ 100% ให้กับเขา เราอาจจะรู้สึกว่าคนที่บูลลี่เราก็คบได้ในฐานะเพื่อนร่วมงาน เพื่อนที่ไม่ได้สนิทใจ แต่ถ้าให้คบแบบสนิทใจก็คงเป็นไปไม่ได้ แต่สามารถคุยได้ในฐานะคนที่รู้จักกัน”

ในวันนี้เธอเติบโตขึ้นมากเพราะประสบการณ์การทำงานมากมาย “เราก้าวข้ามอุปสรรคมาได้ด้วยการคิดบวก ไม่ได้คิดหรือบอกแบบโลกสวย แต่คิดว่าถ้าทำแบบนี้มันดีต่อชีวิตเรา และไม่ไปเบียดเบียนชีวิตใคร รู้สึกว่าวิธีที่เราใช้ ทำให้เรามีความสุขมากขึ้น เราแคร์คำพูดคนที่รักเรา และเข้าใจเรา เราก็ไม่ต้องสนใจคำพูดที่ไม่ดี ที่สำคัญคือปรับปรุงในสิ่งที่เราเคยทำพลาดให้ดีขึ้น และก็ไม่มีใครที่จะมาดูถูกเราได้ นี่คือสิ่งที่เราทำมาตลอด”

แรงบันดาลใจที่ไม่มีวันหมด

ชีวิตเราย่อมต้องคนคอยสนับสนุน เป็นแรงผลักดันอยู่เสมอ เมย์นี่ก็เช่นเดียวกัน “ครอบครัวที่คอยสนับสนุนคือแรงบันดาลใจแรก” รอยยิ้มเล็ก ๆ เกิดขึ้นหลังจากเมย์นี่พูดจบลง ก่อนที่เธอจะเล่าต่อว่าแรงบันดาลใจอันดับที่สองก็คือคนรอบตัวของเธอ

“เรารู้สึกว่าคนแต่ละคน สามารถเป็นแรงบันดาลใจให้ใครอีกคนหนึ่งได้” น้ำเสียงของเธอบ่งบอกถึงความสุขเมื่อได้กล่าวถึงแรงบันดาลใจของตนเอง สิ่งที่เราพบเจอเป็นแรงบันดาลใจให้แก่เราได้เสมอ เพียงแค่ลองเปลี่ยนความคิด เปลี่ยนมุมมองและทัศนคติก็สามารถเกิดแรงบันดาลใจใหม่ขึ้นได้ และทำให้งานเดินหน้าต่อไปได้

เวลาชีวิตที่กำหนดเอง

เมื่องานเยอะการจัดสรรเวลาจึงกลายเป็นสิ่งจำเป็น เมย์นี่จึงบอกเคล็ดลับที่ไม่ลับให้เราได้ฟังว่า เธอนั้นมีการจัดสรรเวลาการทำงานโดยการวางคิวและจดรายละเอียดงานอย่างครบถ้วน เพราะงานแต่ละงานมีความสำคัญทั้งหมด ถ้างานไหนที่เราไม่สามารถไปได้ตรงตามเวลา เราจะบอกกับทีมงานไว้ล่วงหน้า แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีการจัดสรรเวลาที่พอดี ทั้งยังเผื่อเวลาไว้อีกด้วย

“เรายอมแลกเวลานอนเพื่อที่จะได้ทำงาน เพราะเราชอบทำงาน” เมย์นี่หัวเราะเล็กน้อยก่อนเอ่ยย้ำว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่นัก เพราะการพักผ่อนเป็นสิ่งที่สำคัญและไม่ควรละเลย

เพราะชีวิตขาดงานไม่ได้

เมย์นี่เล่าถึงเหตุการณ์ที่ทำให้น้ำตาไหล เธอเล่าว่าเหตุการณ์ในวันนั้นเกิดขึ้นหลังจากสถานการณ์โควิด-19 กำลังเริ่มระบาด จึงทำให้งานหรือกิจกรรมที่เคยทำถูกยกเลิกหรือปรับเปลี่ยนรูปแบบไป เป็นสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดมาก่อน แต่ก็ทำให้เธอได้เรียนรู้มากมาย

“ด้วยความที่ไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี เลยไปเดินวนไปวนมาที่ซอยรังสิตภิรมย์ ข้าง ๆ มหาวิทยาลัย” เธอเดินวนอยู่แบบนั้นเกือบสามชั่วโมง ทั้งสับสนและมึนงงกับตัวเอง และไม่รู้ว่าเป็นการเดินวนรอบที่เท่าไหร่ แต่เมื่อถึงกลางซอยเธอก็ถึงกับน้ำตาไหล

“มันไม่ใช่การร้องไห้โฮ แต่เป็นการร้องไห้ที่น้ำตามันค่อย ๆ ไหลออกมา” เธอรู้สึกว่าทำไมชีวิตมันถึงเศร้าจัง จนเมื่อถึงจุดหนึ่งก็ตัดสินใจโทรหาเพื่อน “ไม่ไหวแล้ว เรามาคิดงานกันเถอะ” เมย์นี่เอ่ยทันทีหลังจากที่เพื่อนกดรับสาย เธอรู้ได้ในทันทีเลยว่าชีวิตของเธอนั้น เสพติดการทำงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ความฝันและเป้าหมายของเมย์นี่

ความฝันแรกที่เมย์นี่พูดถึงก็คือ การเป็นพิธีกร ผู้ประกาศข่าวหรือการมีรายการโทรทัศน์เป็นของตัวเอง แต่เมื่อเมย์นี่ได้มาเรียนรู้งานต่าง ๆ ทำให้เธอได้รู้ว่านิเทศศาสตร์แท้จริงแล้วไม่ได้มีเพียงแค่นั้น หลายคนอาจคิดว่านิเทศศาสตร์เป็นเพียงแค่การทำงานเบื้องหน้า แต่จริง ๆ แล้วนิเทศศาสตร์คือการสื่อสารสิ่งใดสิ่งหนึ่งออกไปให้ผู้คนได้รับรู้ ความใฝ่ฝันของเมย์นี่จึงเปลี่ยนไปและกลายเป็น ‘การได้เป็นเจ้าของธุรกิจ’ แทน แต่เป็นเจ้าของธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญด้านการสื่อสาร รู้วิธีที่จะสื่อสารกับผู้คน สิ่งที่ได้เรียนรู้จากคณะนิเทศศาสตร์เธอจะนำไปเป็นพลังสำคัญในการเดินตามความฝันให้ประสบความสำเร็จ

“การทำงานทุกงานให้ดีที่สุด” เป็นอีกหนึ่งเป้าหมายของเมย์นี่ โดยเธอเล่าว่าเธอมักคาดหวังกับงานทุกงานเสมอ หากเป็นสิ่งที่ออกมาจากตัวเธอ หรือเป็นสิ่งที่เมย์นี่ได้ร่วมทำ งานทุกงานจะต้องออกมาดีที่สุด เพราะเมื่อผู้คนที่ผ่านเข้ามาเห็น หรือได้จับต้องผลงานชิ้นนั้น เขาจะต้องรู้สึกว่าสามารถเข้าถึงผลงานได้ง่าย หรือเข้าใจในสิ่งที่เธอต้องการจะสื่อสารออกไป

เป้าหมายที่ชัดเจนคือชัยชนะที่อยู่ไม่ไกล

สิ่งแรกที่เธอบอกคือวิธีการไปให้ถึงเป้าหมาย คือ ‘การตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน’ มองภาพอนาคตให้ชัดถึงผลลัพธ์ที่ตั้งเอาไว้ว่าเราจะได้อะไรจากสิ่งที่ลงมือทำ และเราต้องมี ‘ความพร้อม’ อยู่เสมอ เมย์นี่กล่าวต่ออีกว่า ความพร้อมเป็นสิ่งสำคัญและจะต้องพร้อมทั้งตัวเราเอง พลังงาน สมอง คนรอบข้าง เพื่อน และครอบครัวที่พร้อมจะสนับสนุน เพราะถ้าหากเมื่อไหร่ที่เธอเหนื่อยจากงานหรือการเรียน และหันไปไม่เจอใครที่คอยสนับสนุน ไม่มีใครที่คอยอยู่เคียงข้าง เธอก็คงท้อแท้ไปเลย แต่ถ้ามีคนคอยสนับสนุนหรือมีคนรอบข้างที่เข้าใจ ไม่ว่าจะงานใดหรือว่าจะท้อแค่ไหน เธอจะมีกำลังใจและสามารถดำเนินงานได้ต่อไปอย่างไม่มีหวั่น

นิยามความเป็น ‘เมย์นี่’

เพราะเราเป็นเราในวันนี้ ตัวตนของเราที่ทุ่มเทกับทุกเรื่องอย่างเต็มที่ “Is Mayny” จึงเป็นนิยามที่เธอใช้บอกเล่าความเป็นตัวเอง

หากมีคนสงสัยว่าทำไมถึงไม่นิยามคำว่า พูดเก่ง สดใส หรือเข้ากับคนได้ง่าย เธอจะตอบกลับไปว่า เพราะเมย์นี่คิดว่าคำเหล่านั้นคือตัวเธอทั้งหมด เธอไม่สามารถหาคำไหนมานิยามตัวเองได้อีก นอกจากชื่อที่พ่อและแม่เป็นคนตั้งให้ เพราะว่าเมย์นี่ก็คือเมย์นี่

“เมย์นี่ที่ไม่ใช่คนอื่น เมย์นี่ที่เป็นตัวเองและจะยังเป็นแบบนี้อยู่ตลอด” เมย์นี่-เมธาวี ซินหลิว BUCA Talent รุ่นที่ 7 ผู้เป็นเจ้าของแรงบันดาลใจที่ไม่มีวันหมด

24 ชั่วโมงไม่เคยพอสำหรับเธอคนนี้ “เมย์นี่ เมธาวี ซินหลิว”

Additional Information

ผลงานชิ้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา CJR311, JR311 Journalistic Writing across Media Section 3421 ภาคการศึกษาที่ 1/2 2563 คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ อาจารย์ที่ปรึกษา ผศ.นันทวิช เหล่าวิชยา

Writer

งานเขียนไม่ใช่สิ่งสุดท้ายที่เราอยากทำ แต่เป็นสิ่งแรกที่เราจะทำ

Photographer

อยากเป็นนักเขียนสุดเท่ห์ แต่จริง ๆ แล้วตัวเองเป็น “เป็ด” ที่ทำได้เกือบทุกอย่างแต่ไม่ shine ซักอย่าง แต่หลัง ๆ เราค้นพบแล้วว่าการเป็นเป็ดมันก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดซักเท่าไหร่ : )