ภารกิจของเหล่าแฟนพันธุ์แท้และผู้ที่หลงใหลใน กีฬาฟุตบอล ยามค่ำคืน คือการเฝ้ารอการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอล ที่มักจะมีให้รับชมตลอดทั้งฤดูกาล โดยเฉพาะนัดสำคัญที่ทีมฟุตบอลทีมโปรดของพวกเราลงแข่งขัน ต่อให้ต้องอดหลับอดนอน หลายคนก็ขอเกาะขอบจอ เพื่อส่งกำลังใจให้นักเตะในดวงใจของพวกเขา

การกลิ้งไปมาของลูกหนังบนสนามจากสายตาของคนทั่วไป ฟุตบอลอาจเป็นเพียงกีฬาของลูกผู้ชาย แต่สำหรับแฟนฟุตบอลแล้ว มันคือ ชีวิต ศักดิ์ศรี และมิตรภาพ ที่มากกว่าความบันเทิง ทำให้ความนิยมของกีฬาชนิดนี้ ถูกแผ่ขยายออกไปในนานาประเทศ โดยเฉพาะฟุตบอลต่างประเทศ ซึ่งได้รับความนิยมในเมืองไทย ข่าวสารหรือกิจกรรมที่สโมสรฟุตบอล ต้องการส่งถึงแฟนคลับ อาจจะเกิดความล่าช้า หรือตกหล่น เพราะช่องว่างระหว่างภาษาและปัจจัยอื่น ๆ จึงจำเป็นต้องมีตำแหน่งที่เรียกว่า Content Producer ประจำประเทศคอยประสานงาน และรับข้อมูลจากสโมสรหลัก เพื่อมาสื่อสาร และสร้างความเข้าใจกับคนในประเทศของตนเอง

ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ พี่พี-กิตติภูมิ นิ่มเนียม หรือที่หลายคนรู้จักเขาในนาม ‘พี จูดาส’ (Pee Judas) อดีตนักศึกษาประธานสาขาวิชาวารสารศาสตร์ดิจิทัล คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ที่ล่าสุดได้กลายเป็นอีกหนึ่งคนสำคัญของสโมสรเรือใบสีฟ้า หรือ แมนเชสเตอร์ซิตี้ (Manchester City) กับตำแหน่ง ‘Thai Content Producer’ คนที่ 2 ของประเทศไทย ซึ่งต่อจากนี้ไปทุกคนจะได้รู้ซึ้งถึงเรื่องราวชีวิตของผู้ชายคนนี้ในแบบที่ไม่สามารถหาอ่านได้จากที่ไหนอย่างแน่นอน

ช่วงชีวิตมัธยมที่เริ่มต้นจาก ‘หลังแถว’

พี่พี เท้าความให้เราฟังถึงเรื่องราวชีวิตมัธยมวัยแก่นเซี้ยวกับวีรกรรมต่าง ๆ ตั้งแต่การเรียนห้องวิทย์-คณิต ที่เลือกเรียนแบบงง ๆ ซึ่งผลตอบรับจากการเลือกเรียนในสิ่งที่ไม่ใช่ทางของตนเอง บวกกับความไม่ตั้งใจเรียน ในตอนนั้นทำให้กลายเป็นเด็กที่มีผลการเรียนรั้งท้ายของห้อง แต่เพราะความคลั่งไคล้ในกีฬาฟุตบอล ที่เกิดขึ้นเพราะมีโอกาสได้ไปยืนเกาะขอบสนามดูการฝึกซ้อมของ ‘ทีมปลาทูคะนอง’ (ทีมฟุตบอลประจำจังหวัดสมุทรสงครามซึ่งเป็นบ้านเกิดของพี่พีนั่นเอง)

หลังจากนั้นก็เกิดความหลงใหลต่อกีฬาฟุตบอล จนกระทั่งพี่พีและเพื่อน ในวัย 16 ปี ตัดสินใจเปิดเพจเพื่อวิจารณ์ฟุตบอลสุดเปรี้ยว (ปัจจุบันปิดเพจไปแล้ว) ซึ่งผลตอบรับในตอนนั้นดีเกินคาด มีคนรู้จัก มีรายได้เข้ามา ถือเป็นความสำเร็จและความภาคภูมิใจที่สุดในช่วงระยะเวลานั้น

เด็กสายวิทย์ฯ ขอพิชิตฝัน

พี่พี แอบกระซิบกับเราว่า ก่อนจะมาเป็นเด็กวารสารศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ตนเองเคยได้ทดลองใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ กับการเรียนคณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์ สาขาเทคโนโลยีชีวภาพ ที่ใช้โควต้านักกีฬาแบดมินตันในการสมัครเรียน ซึ่งพอเข้าไปเรียนจริง ๆ มันไม่สามารถไปต่อได้ ผลการเรียนดิ่งลงเหว ทั้งที่ใช้ความพยายามอย่างมากแล้ว แต่เหมือนยังไม่ดีพอ สุดท้ายเลยตัดสินใจลาออก จนมาเข้าเรียนที่นี่

“พอเราได้เข้ามาเรียนที่ ม.กรุงเทพ ความชอบมันต่างกันออกไป เราชอบทุกวิชาของวารสารฯ ชอบการรอคอยผลงานที่เราตั้งใจทำจะได้ออกมาแสดงให้คนอื่นได้เห็น เรารู้สึกว่าสิ่งที่เราเรียนอยู่ในตอนนั้นมันคือตัวเราจริง ๆ และพอเรารู้สึกเป็นตัวของตัวเองมากขึ้นมันก็ทำงานออกมาได้ดี เพราะมันคือความชอบที่เราไม่ต้องฝืนตัวเอง”

ในช่วงเวลาที่เรียนวารสารศาสตร์ที่นี่ พี่พี ยังได้รับความไว้วางใจจากน้อง ๆ เพื่อน ๆ และอาจารย์ให้รับหน้าเป็นประธานนักศึกษาสาขาวารสารศาสตร์ จัดกิจกรรมรับน้องใหม่ของสาขา เป็นแกนนำในการทำกิจกรรมของนักศึกษาในสาขาวิชา เช่น งาน Open House ซึ่งเขาทำหน้าที่นี้ได้เป็นอย่างดี ควบคู่ไปกับการเรียนที่มุ่งมั่นและตั้งใจเช่นกัน

เมื่อคำว่า ‘สื่อสาร’ เป็นสิ่งที่ใกล้ชิดกับฟุตบอลมากที่สุด

การเข้ามาเรียนวารสารศาสตร์ทำให้ “พี่พี” มีทักษะการสื่อสารที่เพิ่มขึ้น เพราะทุกอุตสาหกรรมต้องใช้การสื่อสารเพื่อให้คนภายนอกเข้าใจ ไม่เว้นแม้แต่วงการฟุตบอล แต่เมื่อหนทางที่ดำเนินไม่ได้ขีดเส้นให้เป็นนักกีฬา “พี่พี” จึงหาเส้นทางอาชีพอื่นที่จะได้เข้าไปคลุกคลีอยู่ในวงการนี้ นั่นคือสายงาน ‘นักข่าว’ ซึ่งตนเองก็คิดมาตั้งแต่ต้นว่า ไม่ได้อยากจะเป็นแค่นักข่าวกีฬาทั่วไป แต่อยากเป็นนักข่าวที่มีความสามารถและทักษะรอบด้าน หรือ ‘Multi-skills’ เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสและช่องทางการเติบโตในหน้าที่การงาน

พี่พี จึงเรียนรู้และพัฒนาตนเองในทุกด้าน เขาเป็นคนที่ชอบอ่าน ชอบดู ชอบฟัง และชอบติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับฟุตบอล รวมถึงข่าวสารในแวดวงต่าง ๆ ทำให้สามารถที่จะผลิตหรือสร้างสรรค์เนื้อหานำเสนอในประเด็นที่สนใจได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังทำเพจเป็นงานอดิเรก และเป็นพื้นที่ปล่อยของด้านไอเดียและงานกราฟฟิคที่สนใจอีกด้วย

ทุกประสบการณ์เป็นใบเบิกทาง ผ่านเข้าสู่ประตูแห่งความสำเร็จ

ขณะที่อยู่ในรั้ว ม.กรุงเทพ “พี่พี” มีโอกาสทำเพจฟุตบอลควบคู่ไปกับการเรียน ประมาณ 3-4 เพจ หนึ่งในนั้นคือเพจพีจูดาส (Pee Judas Offlicial) ซึ่งเป็นเพจที่นำเสนอเรื่องราวของนักกีฬาฟุตบอลที่เป็นฮีโร่ในดวงใจของเขามากมาย อีกทั้งยังรับงานเป็นฟรีแลนซ์บ้าง งานประจำบ้าง

ส่วนเพจที่ปลุกปั้น และทำให้เขามีรายได้หาเลี้ยงตนเองในช่วงนั้น คือ เพจ ‘ตุงตาข่าย’ นอกจากการทำเพจแล้ว ช่วงปี 3 มีโอกาสได้ฝึกงานกับทาง ‘Plan B’ บริษัทที่ผลิตสื่อให้กับสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย

“ด้วยพื้นฐานที่มีทำให้เราสามารถทำงานจริงได้เลย และก็ต้องขอบคุณพี่ ๆ Plan B ที่หยิบยื่นโอกาสให้ด้วย เพราะการเข้าไปฝึกงานที่นี่ เราได้เรียนรู้การทำงานแบบมืออาชีพ อีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ คือ ขอบคุณอาจารย์ที่ ม.กรุงเทพ ที่เปิดพื้นที่ให้เราได้ทำงานเสมือนจริง อย่าง ‘บ้านกล้วย’ ก็เป็นอีกหนึ่งสนามทดลอง ที่เราเคยผ่านมา ได้ทำงานจริง มีผลงานออกมาจริง ถือเป็นประสบการณ์ดี ๆ ที่ไม่เคยลืม”

ในช่วงเวลาที่ทำงานกับ ‘บ้านกล้วย’ สื่อฝึกปฏิบัติของคณะนิเทศศาสตร์ สาขาวารสารศาสตร์ดิจิทัล มหาวิทยาลัยกรุงเทพ พี่พี รับหน้าที่เป็นหัวหน้าฝ่ายกราฟฟิคและดูแลงานด้านภาพ พี่พีเรียนรู้ รับมือกับปัญหาในการทำงานได้ดี มีความรับผิดชอบ อีกทั้งยังคอยสอนงานให้น้อง ๆ รุ่นใหม่ที่จะเข้ามาทำงานกับบ้านกล้วยในรุ่นต่อไป บ้านกล้วย จึงเป็นอีกหนึ่งพื้นที่การเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้กับนักศึกษามหาวิทยาลัยกรุงเทพทุกคน ที่อยากเข้ามาฝึกฝนการผลิตคอนเทนต์ตามหัวข้อที่ชอบที่สนใจ ได้ทำงานจริง และมีโอกาสเผยแพร่ผลงานไปสู่สาธารณะ

จุดที่ยืนสูงเกินกว่าสิ่งที่ “ฝัน”

หลังจากเรียนจบ เป็นธรรมดาของเด็กจบใหม่ ที่ต้องมีเป้าหมายอยู่ก่อนแล้ว ว่าอยากจะทำงานที่ไหน องค์กรมีชื่อเสียงไหม และจะได้เงินเดือนเท่าไหร่ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ไม่เคยอยู่ในหัวของ “พี่พี” เลย เขาคิดเพียงแค่ว่า อยากทำงานกับองค์กร ที่มีความเกี่ยวโยงกับกีฬาฟุตบอล จะได้ค่าตอบแทนเท่าไหร่ก็ไม่เกี่ยง สนใจหน้าที่ของงาน และคนร่วมงานมากกว่า ซึ่งถ้าเป็นไปได้เขาอยากอยู่ในสังคมที่รายล้อมไปด้วยคนเก่ง เพื่อที่จะได้พัฒนาตัวเอง และความฝันที่เขาไม่เคยกล้าฝัน ก็เกิดขึ้นจริง เมื่อสโมสรฟุตบอลยักษ์ใหญ่แห่งแผ่นดินอังกฤษอย่าง ‘แมนเชสเตอร์ซิตี้’ ประกาศรับสมัครตำแหน่ง ‘Thai Content Producer’

“ตอนที่แมนฯ ซิตี้ เปิดรับสมัคร เราก็ลองยื่นพอร์ตไปทางอีเมลโดยที่ไม่คิดเลยว่าเขาจะรับ เพราะตอนนั้นคิดว่า น่าจะมีคนที่เก่งกว่าเราสมัครค่อนข้างเยอะ แต่พอเดือนถัดมา สโมสรก็ตอบกลับพร้อมบอกว่า เขาสนใจที่จะสัมภาษณ์เรา ตอนนั้นดีใจมาก ไม่คิดเลยว่าจะได้รับโอกาสนี้” นี่จึงแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น ตั้งใจ ของ พี่พี ที่เปิดโอกาสให้ตัวเองได้ลองเรียนรู้กับประสบการณ์ใหม่ที่เข้ามา โดยไม่กลัวอุปสรรคข้างหน้า

เตรียมตัวให้พร้อม เพื่อรอรับโอกาสที่เข้ามา

“ในทุก ๆ วันไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเอง เพราะคิดว่าโอกาสอาจจะเข้ามาเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะฉะนั้น เราต้องเตรียมตัวให้พร้อมตลอดเวลาเพื่อที่จะคว้าโอกาสนั้นไว้”

ก่อนที่จะได้ร่วมงานกับสโมสรแมนฯ ซิตี้ “พี่พี” ต้องผ่านการสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษกับทางต้นสังกัดเสียก่อน ซึ่งเป็นความโชคดีที่ได้รับการช่วยเหลือจากเพื่อนสนิทที่เป็นทั้งคู่สนทนา และคอยช่วยคิดคำถาม เปรียบเสมือนการเก็งข้อสอบ ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นน้อยลง และคุ้นชินกับการสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษมากขึ้น โดยภายหลังการสัมภาษณ์เพียงไม่นาน ทางสโมสรก็ยินดีที่จะเซ็นสัญญาร่วมงานทันที

บทบาทของ Thai Content Producer ในวัย 24 ปี

‘ผู้สื่อข่าวประจำประเทศไทย’ คือ ความหมายของตำแหน่งนี้ ซึ่งหน้าที่การรับผิดชอบของ “พี่พี” คือ คอยกระจายข่าวสารจากทางสโมสรให้แฟนฟุตบอลชาวไทยได้รับทราบ ในรูปแบบของภาพ งานเขียน และวิดีโอผ่านเพจเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และเว็บไซต์ หรือบางทีจะมีการลงพื้นที่พูดคุย ติดต่อ หรือร่วมกิจกรรมกับสโมสรฟุตบอลอื่น ๆ เพื่อเป็นการโปรโมตสโมสรของตัวเองไปในตัว

การได้ทำงานในสิ่งที่รักและสนใจอย่างกีฬาฟุตบอล ทำให้การตื่นไปทำงานทุกวันของเด็กหนุ่มวัย 24 ปี ที่ยังคงเปี่ยมล้นไปด้วยพลังการใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย พี่พีสนุกกับการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับทีมฟุตบอล และหยิบจับเรื่องราวที่น่าสนใจมาถ่ายทอดเป็นงานเขียน คลิปวิดีโอ และทำกราฟฟิคเพื่อให้แฟนฟุตบอลติดตามข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว

ภาพอนาคตที่วาดฝันไว้กับสโมสรเรือใบสีฟ้า

พี่พีบอกเล่าให้ฟังว่าการได้ทำงานที่รักคือก้าวสำคัญในชีวิต และอยากจะทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ฝึกฝนและเรียนรู้ “การได้ก้าวมายืนอยู่ในจุดนี้ ถือเป็นความท้าทายครั้งยิ่งใหญ่ ที่เราไม่เคยคาดฝัน ถ้าถามว่า วันนี้มองภาพอนาคตตัวเองไว้ไกลแค่ไหนก็ตอบไม่ได้ แค่อยากทำปัจจุบันให้ดีที่สุดก่อน”

ไม่ต้องเก่งเหมือนคนอื่น แต่ต้องรู้ว่าตัวเองเก่งอะไร

ส่วนตัวพี่พีไม่เคยคิดว่าตัวเองเก่งเหนือคนอื่น ๆ แต่เป็นคนที่มีความรับผิดชอบเกินร้อย สามารถจัดลำดับความสำคัญของเรื่องต่าง ๆ ได้ดี และอีกสิ่งหนึ่งที่พี่พียึดถือมาตลอดจากคำพูดของพี่บอล ภารดร ​ศรีชาพันธุ์ นักเทนนิสของไทย คือ “เวลาเราลงสนามเราต้องคิดว่าเราตัวใหญ่ที่สุด เราเก่ง เราแน่ แต่ให้คิดอยู่ในใจ ไม่ต้องโอ้อวดออกมา และเราจะมั่นใจในการทำงานมากขึ้น ซึ่งถ้าทุกคนรู้ว่า ตัวเองถนัดอะไร ความสุขจะเกิดขึ้นได้ง่ายจากงานที่เราทำ”

ข้อความสำคัญ ฝากถึงเด็กที่เรียนวารสารศาสตร์ทุกคน

ในตอนท้าย “พี่พี” ฝากบอกว่า “เรียนวารสารฯ จบไป ไม่ตกงานแน่นอน เพราะสิ่งหนึ่งที่ เด็กเจอาร์ได้เปรียบ คือ ‘ทักษะการสื่อสาร’ ที่จำเป็นมากในปัจจุบัน ไม่ว่าจะอยู่ในสายอาชีพไหนก็ตาม”

“ถ้าเรามีของดีอยู่ในตัว ไม่จำเป็นต้องออกตามหางานเลย เพราะงานจะเดินเข้ามาหาเราเอง” พี่พี-กิตติภูมิ นิ่มเนียม Thai Content Producer คนที่ 2 ของสโมสรฟุตบอล Manchester City ศิษย์เก่าสาขาวารสารศาสตร์ดิจิทัล คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

Additional Information

ผลงานชิ้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา AD552 Creative Portfolio ภาคการศึกษาที่ 1/2 2563

Writer

Content Writer ที่นอนวันละ 25 ชม. เพราะง่วงเกิน | ขออวยพรให้เธอเจอลายเส้นที่รักเข้าสักวันนะ

Photographer

เช้าวันพุธของฤดูร้อนในเดือนเมษายน - หลงใหลในบทกวีรัก วาดฝันการมีร้านขายโปสการ์ดริมลำธารหลังบ้านและปรารถนาการกินกาแฟในทุกเช้า