ถ้าพูดถึงเหล่าเซเลปของมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ชื่อของ ‘ดาวุธ-อัศดาวุธ งามสมชาติ’ คงเป็นอีกคนที่ต้องถูกยกขึ้นมาพูดถึง ดาวุธเป็นศิษย์เก่า ภาควิชาการโฆษณา คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ จบการศึกษาเมื่อปีการศึกษา 2561 เมื่อสำเร็จการศึกษาเขาได้เข้าประกวดในเวทีแร็ปเปอร์สุดโด่งดังอย่าง รายการ The Rapper ทางช่องเวิร์คพอยท์ (Workpoint TV ช่อง 23) การประสบความสำเร็จในครั้งนี้ ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับใครหลายคน แต่ก่อนหน้าที่เขาจะประสบความสำเร็จได้ เขาฝ่าฟันอุปสรรค และต้องฝึกฝนตนเองอย่างมากมาย เรามารู้จักตัวตนของแร็ปเปอร์คนนี้กัน
เราได้สนทนากับ ‘ดาวุธ The Rapper’ ถึงเบื้องหลังความสำเร็จ และเส้นทางเดินในฐานะแร็ปเปอร์หนุ่ม ผู้เฉิดฉายอยู่บนเวทีท่ามกลางแสงไฟ และเพลงแนวฮิปฮอป
จุดเริ่มต้นของการเป็นแร็ปเปอร์
พี่วุธเล่าว่า เขารู้ตัวมาตั้งแต่ตอนที่ศึกษาอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เป็นเพราะพี่สาวชอบเปิดเพลงสากลให้ฟังอยู่บ่อย ๆ และเพลง Live Your Life ft. Rihanna ของศิลปินแร็ปเปอร์สุดฮอตอย่าง T.I. Clifford Joseph Harris จากนั้นพี่สาวยังให้ฟังเพลง Just Holla ของวง Thaitanium อีกด้วย จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้พี่วุธฝึกแร็ปตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
“สเต็ปแรกคือการเรียนรู้ เราเริ่มจากการหาข้อมูลมานั่งวิจัยเลยว่า แต่ละเพลงเป็นยังไง ซึ่งตอนนั้นยังไม่รู้ภาษาอังกฤษเลยด้วยซ้ำ แต่เพราะความตั้งใจที่จะร้องแร็ปให้ได้ จึงตั้งใจเรียนภาษาอังกฤษให้มากขึ้น เพื่อจะได้รู้ความหมายของคำแต่ละคำในเนื้อเพลง พัฒนาตัวเองมาเรื่อย ๆ จน ม.3 เริ่มเขียนเพลงเอง เพลงแร็ปทำให้ชอบภาษาอังกฤษ ชอบเรียนรู้และฝึกฝนตัวเอง อย่างตอนไปเที่ยวพัทยา จะไปคุยกับชาวต่างชาติ เพื่อพัฒนาความสามารถด้านการใช้ภาษาให้มากยิ่งขึ้น”
การก้าวเข้าสู่วงการแร็ปเปอร์
“วุธรู้จักกับ ซีดี กันต์ธีร์ ตั้งแต่มัธยม โดยตอนนั้นจะรวมตัวกันเป็นกลุ่มเล็ก ๆ เพื่อฝึกร้องแร็ปกัน จากนั้นก็แยกทางกันไป ต่อมาวุธก็ไปเป็น MC ตามคลับต่าง ๆ ตั้งแต่อายุ 15 ปี ทำหน้าที่ร้องแร็ปคู่กับการเปิดเพลงของดีเจ หลังจากนั้นก็พักงานร้องแร็ป แต่พอได้กลับมาเจอซีดีอีกครั้ง จึงตัดสินใจที่จะกลับมาทำเพลงใหม่ร่วมกัน” พี่วุธเล่าถึงเพื่อนคู่แร็ปอย่างหน้าตาแจ่มใส และยังบอกอีกว่า ตอนกลับมาทำเพลงใหม่ ออกเพลงมาประมาณ 3-4 เพลง โดยเพลงที่ทำให้คนรู้จักตนเองคือ MICROPHONE (ไมโครโฟน) – THE OLD i$E ซึ่งตอนนี้มียอดคนดูมากกว่า 133 ล้านครั้ง
จากแร็ปเปอร์มือสมัครเล่น สู่เวทีแห่งความฝัน
“ตอนที่มีโอกาสเข้าประกวดบนเวที The Rapper ได้อยู่ทีมพี่โต้ง Twopee เรามีพี่โต้งเป็นไอดอลอยู่แล้ว เมื่อก่อนเวลาพี่โต้งออกคอนเสิร์ตที่ไหน เราก็ตามไปหน้าเวที จนพี่ ๆ SouthSide จำเราได้” พี่วุธบอกเพิ่มเติมว่า เมื่อไปประกวด ก็ได้ฉายาจากพี่โจ้ โจอี้บอย ว่าเป็นแร็ปเปอร์สไตล์ Slick คือลื่นไหลไปกับเพลง สามารถแร็ปตามจังหวะของเพลงได้ เป็นแร็ปเปอร์แบบ Simple But Smooth ตอนนั้นรู้สึกภูมิใจในตนเองมาก ๆ เพราะถือว่าประสบความสำเร็จไปหนึ่งขั้นแล้ว
เพื่อนดีและอาจารย์ที่เข้าใจ
“ตอนเรียน เริ่มมีทัวร์คอนเสิร์ตของ Microphone ตามต่างจังหวัดแล้ว เราเข้าโครงการ iFit ของทางมหาวิทยาลัย ทำให้เรียนจบใน 3 ปีครึ่ง รวมถึงการที่เรามีเพื่อนที่ดี และอาจารย์ที่เข้าใจ ตอนนั้นก็เข้าไปปรึกษาอาจารย์ จึงมีทางออกว่าอาจารย์จะไม่เช็กขาดเวลาเรียน แต่ให้ทำงานมาส่งแทน เพื่อน ๆ ก็คอยส่งคำสั่งงานของอาจารย์ให้ตลอด ทุกคนช่วย ๆ กันไป ตอนนั้นมันเหนื่อย แต่ก็สบายใจ”
พี่วุธยังบอกต่อว่า ความภาคภูมิใจในชีวิตนักศึกษา คือ การเรียนจบก่อนกำหนด เพราะตอนนั้นตนเองก็เริ่มมีงานเข้ามาค่อนข้างมาก ทางครอบครัวก็คิดว่าจะเรียนไม่จบ แต่พอได้ใช้ความตั้งใจของตนเองอย่างสุดความสามารถ ก็เห็นว่าตนเองสามารถทำได้ และประสบความสำเร็จด้านการศึกษาอย่างที่คาดหวังไว้ ทำให้ครอบครัวได้ภูมิใจ และอีกสิ่งหนึ่งที่จะขาดไม่ได้เลยคือการมีเพื่อนที่ดี คอยสนับสนุนให้ได้ทำตามความฝัน และช่วยผลักดันให้เรียนจบ เพื่อนเป็นอีกหนึ่งความประทับใจในรั้วมหาวิทยาลัย
แรงบันดาลใจ
ความโชคดีคือรู้ตัวตั้งแต่เด็กว่าตนเองชอบอะไร จึงพัฒนาและฝึกฝนตนเองมาโดยตลอด พร้อมทั้งยังเล่าให้ฟังว่า เมื่อ 8 ปีที่แล้ว ตนเคยตั้งสถานะเฟซบุ๊ก ว่า ‘อยากถือไมค์แร็ปบนเวที’ พอวันนี้มาเปิดดู จึงทำให้รู้สึกว่าสิ่งที่ตั้งใจไว้ สำเร็จได้เพราะตนเองหมั่นฝึกซ้อม และที่สำคัญ อย่าจมอยู่กับความท้อแท้ พี่วุธเล่าให้ฟังว่า หลาย ๆ ครั้ง ตนเองต้องพบเจอกับความท้อแท้ และหลาย ๆ ครั้งก็ได้กำลังใจที่ดีจากคนรอบข้าง
“แต่รู้ไหม ถ้าพ่อแม่บอกให้สู้ แต่ใจเราไม่สู้ มันก็ไม่มีอะไรดีขึ้น เราต้องบอกตัวเองบ่อย ๆ ว่า เราทำได้สิ เราแค่เหนื่อย แค่ท้อ มันต้องลุกขึ้นได้ใหม่” พี่วุธกล่าว
ความสำเร็จในอุดมคติ
ในความคิดของพี่วุธ การประสบความสำเร็จด้านผลงานเพลงเป็นสิ่งสำคัญมาก ในขณะที่ ซีดี กันต์ธีร์ เพื่อนของพี่วุธ เข้ารับใช้ชาติในกรมทหาร ตนเองต้องฝึกฝนเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งต้องหมั่นสร้างผลงานเพลงของตัวเองขึ้นมา เพื่อให้คนที่เคยตำหนิเห็นได้ว่า พี่วุธเองก็สามารถประสบความสำเร็จได้ด้วยความสามารถที่แท้จริงของตนเอง ส่วนแร็ปเปอร์ที่ประสบความสำเร็จในสายตาพี่วุธ จะเป็นแรปเปอร์สไตล์ไหนก็ได้ แค่มีรายได้จากเพลงของตนเอง สามารถเลี้ยงตนเองได้ ก็ถือเป็นแร็ปเปอร์ที่ประสบความสำเร็จแล้ว
สำหรับคนที่มีฝัน
การรู้ตัวเองว่าชอบอะไร ค้นหาให้พบเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเราจะได้ฝึกฝนในสิ่งที่ชอบ เรารักได้อย่างเต็มที่ พี่วุธมีความคิดเห็นในเรื่องนี้ว่า “อย่างแรก เราต้องหาตัวเองให้เจอก่อน ประเทศไทยจะแตกต่างจากต่างประเทศ เพราะเด็กต่างชาติ จะรู้ตัวเองตั้งแต่เด็กว่าชอบอะไร แต่คนไทยจะโตขึ้นมาโดยที่ยังมีคำถามว่า แล้วเราชอบอะไร ? เราต้องการอะไร ? เพราะเราเรียนทุกอย่าง ไม่ได้มีสายอาชีพมากมาย เราอาจจะมีกรอบความคิดบางอย่าง สิ่งที่ดีที่สุดคือการลงมือทำ เพราะการกระทำสำคัญกว่าคำพูด อย่าเพียงแค่คิดว่าจะทำ แต่ต้องทำเลย ไม่ใช่ว่าเรียนจบไปแล้วเคว้ง หาทางออกไม่ได้ ถ้ารู้ตัวตั้งแต่เด็กยิ่งดี สักวันความฝันมันจะมาถึงตัวเราเอง ขอเพียงแค่อย่ายอมแพ้ ให้เอาตัวเองไปอยู่ในเส้นทางนั้นตลอดเวลา ถึงมันจะแพ้บ้าง แต่มันก็ไม่เป็นไร แต่ต้องเดินต่อไม่ใช่เดินออก”
เรื่องราวของพี่วุธที่บอกเล่าให้เราฟัง ทำให้เห็นว่า การรู้ความชอบของตนเอง ลงมือทำ และฝึกฝนจะทำให้เราฝ่าฟันอุปสรรคไปได้ เราต้องบอกว่าขอ Respect หัวใจแร็ปเปอร์หนุ่มคนนี้ด้วยใจจริง
Additional Information
ผลงานชิ้นนี้