“ทุกธุรกิจไม่ว่าจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ ถ้าวันนี้เราไม่ได้รักในสิ่งที่เราทำ มันจะไม่ประสบความสำเร็จ เราต้องมีความรักในสิ่งที่เราทำก่อน” พี่คิว-รัชดาภรณ์ ราศีกิจ เจ้าของร้าน Brown Sugar Bear ร้านชานมไข่มุกเปิดใหม่ใกล้มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ให้สัมภาษณ์กับบ้านกล้วยอย่างเป็นกันเองถึงมุมมองในการทำธุรกิจ
ก่อนหน้านี้เมื่อประมาณสิบปีที่ผ่านมา ชานมไข่มุกเคยได้รับความนิยมเป็นอย่างมากแล้วจึงแผ่วไป จนล่าสุดเมื่อ 2-3 ปีให้หลัง ก็เกิดกระแสชานมไข่มุกอีกครั้ง และรอบนี้มาพร้อมกับกระแสที่แรงกว่าเดิม จะสังเกตง่าย ๆ ได้จากการที่จะเดินไปไหนมาไหนก็จะเห็นคนถือแก้วฝาซีล แล้วก็เคี้ยวไข่มุกหนุบหนับ และไม่ใช่แค่วัยรุ่นเท่านั้นที่จะตอบรับกับกระแสนี้ ยังรวมไปถึงวัยเด็กและวัยทำงานอีกด้วย
ธุรกิจชานมไข่มุกในเมืองไทยได้เติบโตอย่างรวดเร็ว และเปิดขายอยู่ทั่วประเทศ มีทั้งการซื้อแฟรนไชส์หรือแม้แต่การเปิดเป็นแบรนด์ของตัวเอง และนี่ก็เป็นอีกเครื่องพิสูจน์ได้ดีเลยว่า ธุรกิจเครื่องดื่มจากประเทศไต้หวันได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมเมื่อเข้ามาสู่เมืองไทย
จากกระแสของชานมไข่มุกที่กล่าวไป เราไปติดตามเรื่องราวของพี่คิว รัชดาภรณ์ เจ้าของธุรกิจชานมไข่มุกกันได้เลย
จุดเริ่มต้นและแรงบันดาลใจ Brown Sugar Bear
“แค่อยากลองทำในสิ่งที่ตัวเองรัก นำชานมไข่มุกมาให้คนที่รักเหมือนกันได้ลองอะไรที่อร่อยและไม่เหมือนใคร” พี่คิวบอกกับเราด้วยรอยยิ้ม ความรักในชานมไข่มุกไต้หวัน ทำให้พี่คิวได้มีโอกาสไปสัมผัสกับชานมไข่มุกออริจินอลโดยแท้จริงที่ไต้หวันมาแล้ว
ด้วยความชอบจึงอยากให้คนไทยได้มีโอกาสลิ้มลองชานมไข่มุกไต้หวันของจริง พี่คิวจึงได้ปรึกษากับแฟนในเรื่องของการทำธุรกิจนี้ว่าจะสามารถนำสูตรของที่ไต้หวันมาเผยแพร่ที่ประเทศไทยได้หรือไม่ จึงเกิดเป็นธุรกิจชานมไข่มุก Brown Sugar Bear
ส่วนของสัญลักษณ์ที่ใช้นั้นจะเป็นรูปหมีดูดชานมไข่มุก เพราะว่าหมีในประเทศไต้หวันเป็นสัญลักษณ์ของความอร่อย ถือได้ว่าเป็น King of the food ก็ว่าได้ และอีกอย่างชาของชาวไต้หวันแท้ ๆ จะไม่มีการเติมนม เพื่อเพิ่มความหวาน แต่สิ่งที่ทำให้ชานมไข่มุกหวานอร่อยนั้น คือตัวไข่มุกนั่นเอง และพี่คิวยังกล่าวอีกว่า ชานมไข่มุกที่เราเห็นทั่วไปเป็นการปรับให้เข้าจริตของคนไทยนั่นเอง
“จริง ๆ ทั้งหมดที่เกิดขึ้นมาได้เพราะเรารักล้วน ๆ ทุกอย่างที่เราทำคือการทุ่มเท 100% เรากินแล้วมันอร่อย เราก็อยากให้ลูกค้าได้ลองเหมือนเรา มันคือความรู้สึกที่เราอยากส่งต่อให้ลูกค้า” นี่คือหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจคือเราต้องรักในสิ่งที่เราอยากนำเสนอให้ลูกค้าก่อนเป็นอันดับแรก
ข้อคิดการทำธุรกิจ
“สติต้องมาก่อน การปรับตัวให้ได้ก็เป็นสิ่งสำคัญในการทำธุรกิจ” พี่คิวเน้นย้ำกับเรา เพราะไม่มีธุรกิจไหนที่สามารถอยู่ได้ในระยะยาว ถ้าไม่ปรับปรุงตัว ทุกธุรกิจมันมีช่วงที่ขาขึ้นและขาลง สิ่งที่สำคัญที่สุด คือการมีสติ
นักธุรกิจต้องมีสติให้มากในทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่เศรษฐกิจซบเซา พี่คิวจึงต้องปรับตัวให้ธุรกิจยังอยู่ได้ และต้องมีการพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ พี่คิวบอกอีกว่าต้องหาโปรโมชั่นให้ลูกค้า อีกทั้งการคิดสูตรใหม่ขึ้นมา เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายอีกด้วย
อุปสรรคที่ต้องรับมือ
ถึงแม้จะมีร้านชานมไข่มุกมากมาย พี่คิวย้อนนึกถึงช่วงแรกที่เปิดร้านว่า ตอนที่มาเปิดในช่วงเริ่มต้นยังเป็นแบรนด์ใหม่ ยังไม่มีคนรู้จัก อุปสรรคในการเปิดร้านจริง ๆ ไม่ใช่คู่แข่ง แต่เป็นช่วงเวลา ทำเล และผู้บริโภค เพราะสาขาแรกที่พี่คิวเปิดมันอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัย และก็ตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นได้ดี
อย่างไรก็ตามอุปสรรคที่พี่คิวต้องเจอจึงไม่ใช่คู่แข่งที่เปิดก่อน แต่มันเป็นช่วงที่นักศึกษาปิดเทอม ทำให้ได้กำไรไม่เท่าที่คาดการณ์ไว้ เราประเมินการผลิตในแต่ละวันไม่ถูกต้อง เพราะบางวันลูกค้าก็เข้าเยอะ บางวันก็แทบจะไม่มี นั่นคือปัญหาของพี่คิวในช่วงแรกที่เปิดร้าน ปัจจุบันพี่คิวแก้ปัญหานั้นได้แล้ว กลุ่มฐานลูกค้าเก่าที่พอรู้จักก็เข้ามาเรื่อย ๆ เมื่อธุรกิจดำเนินไปด้วยดี พี่คิวยังได้เปิดร้านอีกหนึ่งสาขา อยู่ที่จตุจักร ที่นั่นมีคนพลุกพล่าน นักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ทำให้ได้กำไรที่มากขึ้น
ไม่หยุดพัฒนาตัวเอง…รักในงานที่ทำ
คนทำธุรกิจนอกจากกำไรที่ได้เป็นตัวเงินแล้ว ความสุขก็เป็นสิ่งสำคัญ ความฝันสูงสุดในการทำธุรกิจของพี่คิว เจ้าของธุรกิจชานมไข่มุก คือการเปิดสาขาทั่วประเทศ ทำให้คนได้รู้จักแบรนด์ Brown Sugar Bear ทำให้แบรนด์นี้ติดตลาด ลูกค้าพูดถึงว่าอร่อย และต้องกลับมาอีกครั้ง
สิ่งสำคัญที่พี่คิวทิ้งท้ายไว้กับเราคือ “เรายังหยุดไม่ได้ ทุกอย่างมันต้องพัฒนาไปพร้อม ๆ กัน ทั้งตัวพี่ และธุรกิจ เพราะทุกเมนูที่เราทำ เราทำด้วยความรัก เรามั่นใจว่าลูกค้าที่ซื้อไปก็รับรู้ได้ถึงความใส่ใจกับไข่มุกทุกเม็ดที่เราทำ จากคนที่รักชานมไข่มุกคนหนึ่ง”
Additional Information
ผลงานชิ้นนี้