หากจะพูดถึงกีฬาเอ็กซ์ตรีมสุดแสนจะโลดโผน ท้าทาย แต่คงความเป็นเอกลักษณ์ มีการวาดลวดลาย ลีลาท่าทางที่สนุกสนาน แถมยังเข้าถึงง่าย ไม่ว่าจะเป็นวัยไหนก็ตาม คงหนีไม่พ้น ‘สเก็ตบอร์ด’ กีฬาเอ็กซ์ตรีมชนิดนี้ มีต้นกำเนิดในช่วงปี 1950 และเป็นที่นิยมในกลุ่มวัยรุ่นอเมริกัน เริ่มจากที่พวกเขาหากิจกรรมยามว่างที่สนุกสนาน พอที่จะเรียกอะดรีนาลีน และแก้เบื่อได้ในคราวเดียวกัน พวกเขาจึงมีไอเดียนำไม้มาดัดแปลงแล้วติดล้อพร้อมไถไปตามถนนหนทาง ไม่นานการเล่นแบบนี้เริ่มแพร่หลาย จนเกิดการเล่นท่าทาง รวมไปถึงเกิดการแข่งขันขึ้น

กีฬาสุดท้าทายโดนใจวัยรุ่น ได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเช่นเดียวกัน ตอนนี้เรามีนักกีฬาเอ็กซ์ตรีมที่เป็นที่รู้จักกันดีในวงการคือ พี่โอ๊ต-อธิวัฒน์ เรืองศรี นักกีฬาสเก็ตบอร์ดทีมชาติ แชมป์ประเทศไทย และกำลังก้าวสู่ระดับโลก

คำพูดที่พี่โอ๊ตบอกกับเราว่า “กำลังใจที่สำคัญคือตัวของเราเอง” คำพูดที่ว่านี้ของพี่โอ๊ตคือหนึ่งในประโยคที่กระทบความรู้สึกของเรามากที่สุด บ้านกล้วยขอพาทุกคนมาลื่นไถลไปบนลานสเก็ตบอร์ด ทำความรู้จักตัวตน วิธีคิด ของหนุ่มนักสเก็ตบอร์ดที่เชื่อว่าไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ ถ้าเราตั้งใจ และพยายาม

เปิดตัวแชมป์สเก็ตบอร์ดประเทศไทย

เรานัดพบกับพี่โอ๊ตกลางลานสเก็ตบอร์ด ภาพที่เห็นตรงหน้าคือหนุ่มน้อย ผู้มีความกล้าหาญ พาตัวเองลื่นไถลอย่างคล่องแคล่ว โดยไม่กลัวบาดเจ็บ พี่โอ๊ตหันมาแนะนำตัวกับเราด้วยประโยคสั้น ๆ ง่าย ๆ ว่า “สวัสดีครับ ผมโอ๊ต อธิวัฒน์ เรื่องศรี อายุ 25 ปี เป็นตัวแทนนักกีฬาสเก็ตบอร์ดทีมชาติไทย” เราพอจะทราบมาคร่าว ๆ เกี่ยวกับรางวัลที่พี่โอ๊ตได้รับ พี่โอ๊ตช่วยให้ข้อมูลให้เรากระจ่างขึ้นว่า “ผมแข่งขันในไทยได้ที่ 1 ทั้งระดับภูมิภาคและระดับประเทศ” ด้วยคำพูดชัดเจนตรงไปตรงมา บอกถึงการเป็นตัวจริงในวงการได้เป็นอย่างดี

การเริ่มต้นเล่น ‘สเก็ตบอร์ด’

แรงบันดาลใจในการเล่นกีฬาของแต่ละคนมีที่มาแตกต่างกัน บางคนเริ่มเล่นกีฬาเพราะอยากรักษาสุขภาพ บางคนอยากได้เพื่อน บางคนอยากทดลองความท้าทายใหม่ ๆ สำหรับพี่โอ๊ต การเริ่มเล่นสเก็ตบอร์ดมีความเป็นมาที่พี่โอ๊ตบอกกับเราว่า “เริ่มแรกผมยังไม่ได้รู้สึกว่าสเก็ตบอร์ดเป็นแรงบันดาลใจอะไรเท่าใดนัก ตอนนั้นผมอายุ 12 ปี แค่รู้สึกว่ามันเท่ และมีเสน่ห์ ทำให้ผมอยากลองเล่นดู ซึ่งผมตัดสินใจเดินเข้าไปถามคนที่เล่นอยู่ว่าอันนี้เรียกว่าอะไร เขาตอบกลับมาว่า ‘สเก็ตบอร์ด’ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่เริ่มเล่นจนมาถึงทุกวันนี้”

เสน่ห์กีฬาคือการฝึกฝนควบคู่กับความอดทน

การทุ่มเททำอะไรสักอย่าง สิ่งสำคัญคือการค่อย ๆ เรียนรู้ ฝึกฝน พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเล่นสเก็ตบอร์ดต้องไม่กลัวล้ม ไม่กลัวการบาดเจ็บ ล้มแล้วลุก ลองทำท่าทางใหม่ ๆ ไปเรื่อย ๆ พี่โอ๊ตแชร์ให้เราฟังเพิ่มเติมว่า “ประมาณ 5 ปีที่ฝึกฝน แต่ก่อนหน้านี้ยังยังรู้สึกเฉย ๆ แต่พอได้อยู่ด้วยกันนาน ๆ เข้า จนรู้ว่ามันต้องเล่นแบบไหน ที่ทำให้เราอดทนพยายามเล่น ทำให้รู้สึกมีความสุขดี และทำให้พร้อมแข่งขัน จนได้เป็นที่ 1 ของประเทศด้วย”

พี่โอ๊ตยังได้แบ่งปันเคล็ดลับในการเล่นกีฬาให้ประสบความสำเร็จให้เราได้ฟัง “ในทุกการแข่งขันผมตัดความตื่นเต้นออกไปได้แล้ว แต่ยังคงมีความคิดมาก ความกังวลเล็ก ๆ อยู่ ซึ่งพยายามเอาออกไป แล้วคิดเพียงแค่ว่าเอาชนะใจตัวเองก็พอ ไม่ต้องสนใจคนรอบข้าง” นี่จึงเป็นเคล็ดลับของการลงมือทำอะไรสักอย่าง การตัดอารมณ์ออกบ้าง ทำให้เราอยู่กับความเป็นจริงตรงหน้าได้ดีขึ้น และทำให้ทำสิ่งที่ตั้งใจได้อย่างเต็มที่ และสามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้อย่างรู้เท่าทัน

ไม่มีนิยามคำว่า ‘ถอดใจในหัว’

เราถามต่อด้วยความอยากรู้เพิ่มเติม กีฬาท้าทายแบบนี้ บางคนอาจจะมองว่ายากด้วยซ้ำไป พี่โอ๊ตไม่เหนื่อย ไม่ท้อบ้างเหรอ พี่โอ๊ตตอบเราด้วยท่าทางคูล ๆ ว่า “ไม่เคยคิดถอดใจ พลังใจกับกีฬานี้มันสัมพันธ์กัน เพราะเป็นกีฬาที่ยากมากกว่ากีฬาอื่น ๆ มันอยู่ที่ใจของผมล้วน ๆ ด้วย อีกอย่าง ผมได้กำลังใจจากตัวเอง เริ่มจากตัวของเราเองก่อน ถ้าไม่มีกำลังใจให้ตัวเองคงจะไม่มีแรงฮึดสู้ในการลงสนามจริง”

พรแสวงประสบความสำเร็จได้

บางคนอาจจะคิดว่าการเล่นกีฬาต้องเป็นพรสวรรค์เท่านั้น แต่สำหรับพี่โอ๊ต ความมุ่งมั่น ความพยายาม ทุ่มเทฝึกซ้อม สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่ทำให้พี่โอ๊ตประสบความสำเร็จ “สำหรับตัวของผมแล้วไม่ได้คิดว่ามีพรสวรรค์อะไรหรอก คิดแค่ว่าเราต้องทำพยายามทำให้ได้และต้องได้ เพราะไม่มีอะไรได้มาง่าย ๆ”

เราลงถามลงลึกไปถึงเรื่องการฝึกซ้อม นักสเก็ตบอร์ดตัวยงอย่างพี่โอ๊ตมีวินัยในการฝึกซ้อมเป็นอย่างมาก “เวลาซ้อมของผมเป็นไปตามตารางของนักกีฬาทีมชาติ จัดเวลาไว้ตั้งแต่ช่วง 08.00 – 09.00 น. คือการไปออกกำลังกายที่ฟิตเนส พักและเผื่อเวลาทานข้าวประมาณ 10.00 – 12.00 น. และเวลาประมาณ 14.00 – 17.00 น. ถึงออกมาซ้อมต่อในช่วงเย็นอีกรอบ”

ด้วยการมีตารางเวลาที่ชัดเจนในการฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอ ไม่แปลกใจเลยที่พี่โอ๊ตจะคว้าชัยชนะในเกือบทุกเวทีที่เข้าแข่งขัน การมีวินัยคือการหมั่นฝึกซ้อม พยายามทำให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ถึงแม้จะไม่ได้ชัยชนะทุกเวที แต่พี่โอ๊ตก็ได้พัฒนาตัวเองอยู่ตลอด ตอนนี้มีน้องหลายคนที่เห็นพี่โอ๊ตเป็นไอดอลด้านการเล่นสเก็ตบอร์ด พี่โอ๊ตบอกความรู้สึกให้เราฟังว่า “ดีใจมากครับ ที่น้อง ๆ เห็นผมเป็นไอดอล และพยายามทำตามในสิ่งที่ผมพยายามทำ ผมขอขอบคุณมากครับที่ชื่นชอบผม”

ขอขอบคุณภาพ Facebook Oat Athiwat

รายได้จากน้ำพักน้ำแรง

การมีความรู้ ความสามารถด้านกีฬาอย่างมืออาชีพ ทำให้พี่โอ๊ตเลือกทำงานที่ตนเองรัก ด้วยการถ่ายทอดความรู้ให้กับน้อง ๆ ที่สนใจเป็นนักกีฬาสเก็ตบอร์ด “ผมเปิดรับสอนกีฬาเอ็กซ์ตรีมที่สนามกีฬาหัวหมาก สอนในช่วงเวลาประมาณ 10.00 – 12.00 น. ซึ่งจะประกาศรับสมัครผ่านทางเฟสบุ๊กสำหรับน้อง ๆ ที่สนใจ และพ่อแม่ให้การสนับสนุน เปิดรับสอนตั้งแต่เด็กเล็ก ๆ ไปจนถึงผู้ใหญ่เลย” พี่โอ๊ตอธิบายถึงธุรกิจเล็ก ๆ ของตัวเองให้เราฟังด้วยความกระตือรือร้น เราจึงไม่รอช้าในการคลิกเข้าไปดูภาพถ่ายต่าง ๆ ของพี่โอ๊ตทางเฟสบุ๊ก

กำลังใจสร้างได้ด้วยตัวเราเอง

กำลังใจเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญในการเล่นกีฬา จากการพูดคุยกับพี่โอ๊ตวันนี้ทำให้เราค้นพบว่ากำลังใจที่ดีที่สุดนั้นมาจากตัวเราเอง ที่ต้องมีความพยายามไม่ท้อถอย ก่อนจากกันพี่โอ๊ตได้ให้คำแนะนำแก่น้อง ๆ ที่มีความฝันในการเป็นนักสเก็ตบอร์ด “อยากฝากถึงทุกคนว่าตั้งใจ อย่าท้อ พยายามคิดว่าอะไรที่เราไม่เคยลอง ให้ลองดูก่อน ไม่ได้ไม่เป็นไร กล้าที่จะลองเปิดใจ อย่าทิ้งจินตนาการ ท่าเล่นต้องหาท่าใหม่ ๆ จะได้สนุก สุดท้ายขอให้อดทน และสู้ ๆ ครับ”

ความพยายามไม่เคยทำให้ใครผิดหวัง ต่อให้เป็นสิ่งที่ยากเพียงใด ขอแค่ชอบ และมีความสุขในสิ่งที่ทำ แม้เส้นทางของนักกีฬาไม่ได้เดินเป็นเส้นตรงเสมอไป ปลายทางที่ฝันเป็นจริงเพราะตัวของเราเอง เรามาร่วมส่งแรงใจเชียร์นักกีฬาเอ็กซ์ตรีมสเก็ตบอร์ดประเทศไทยให้คว้าชัยชนะ เพื่อเข้าแข่งขันโอลิมปิก 2020 ที่กำลังจะมีขึ้นในอีกไม่ช้านี้ด้วยกัน

Additional Information

ผลงานชิ้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา CJR311, JR311 Journalistic Writing across Media Section 3221 ภาคการศึกษาที่ 1/2 2562 คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์ปริณดา เริงศักดิ์

Writer & Photographer

เชื่อว่าการอ่านทำให้เห็นถึงมุมมอง ทัศนคติ รักการเขียนพอ ๆ กับการอ่าน และการได้กลิ่นหน้าของหนังสือ ชอบเดินทาง พร้อมกับได้ชิมของอร่อย และฟังเสียงบทสนทนาของผู้คน

Writer & Photographer

การเขียนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ช่วยบรรยายความรู้สึก และการทำงานในแต่ละวันของเรา ยิ่งไปกว่านั้นการเขียนยังบอกถึงสไตล์ที่แตกต่างกันไปของแต่ละบุคคล ที่ไม่มีใครสามารถลอกเลียนแบบได้

Writer & Photographer

ชอบท่องเที่ยวออกไปหาแรงบันดาลใจ ฝึกฝนการเขียนให้งานมีคุณภาพ การได้ลงพื้นที่ไปหาข้อมูล ได้เรียนรู้ทัศนคติของคน การกระทำและเหตุผลของแต่ละคน แล้วผลที่เราได้รับกลับเป็นสิ่งที่คุ้มค่า ถือเป็นประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่ชีวิตได้รับ