ช่วงต้นทศวรรษ 80 เจ้าของบาร์ในสหรัฐอเมริกาจะเขียนสัญลักษณ์กากบาท หรือตัว X ไว้บนหลังมือของลูกค้าที่อายุยังไม่ถึง 21 ปี เพื่อให้บาร์เทนเดอร์รู้ว่าจะไม่มีการเสิร์ฟเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ให้กับพวกเขาอย่างเด็ดขาด เครื่องหมายนี้จึงกลายมาเป็นสัญลักษณ์ในการแสดงถึงจุดยืนของคนที่เชื่อมั่นอย่างสุดหัวใจว่า “เราจะไม่ดื่ม เราจะไม่สูบ และเราจะขอไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดใด ๆ”

กลุ่มคนเหล่านี้จึงถูกเรียกว่า สเตรทเอดจ์ (Straight Edge) โดยมีจุดเริ่มต้นจากกลุ่มนักดนตรีฮาร์ดคอร์พังก์ที่ลุกขึ้นมาต่อต้านและปฏิเสธการใช้สารเสพติด เพื่อสลัดภาพลักษณ์ด้านลบเกี่ยวกับยาเสพติดที่ผู้คนมีต่อฮาร์ดคอร์พังก์มาโดยตลอด

จากการสืบค้นข้อมูลของ คุณการัณยภาส ภู่ยงยุทธ์ ผู้เขียนบทความที่มีชื่อว่า สเตรจเอ็ดจ์ (Straight edge) การพลิกกลับของวัฒนธรรมพังค์ อธิบายว่า เพราะนักดนตรีพังก์ที่มีชื่อเสียงหลายคนต้องเสียชีวิตจากการเสพยาเกินขนาด เช่น บิลลี่ เมอร์เซีย (Billy Murcia) มือกลองจากวง นิวยอร์ค ดอลส์ (New York Dolls) และซิด วิเชียส (Sid Vicious) มือเบสจากวง เซ็กส์ พิสทอล (Sex Pistol) ที่เสียชีวิตจากการเสพติดเฮโรอีน ทำให้ผู้คนและสื่อมวลชนในยุคสมัยนั้นต่างเหมารวมว่านักดนตรีพังก์เป็นพวกที่ติดสารเสพติด และสร้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดีให้กับวงการดนตรีพังก์เรื่อยมา

ขอขอบคุณภาพ diyconpiracy.net

ด้วยความสนใจของผู้เขียนจึงได้ค้นคว้าหาข้อมูล เพื่อบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับต้นกำเนิดของ เหล่าสเตรทเอดจ์ กลุ่มนักดนตรีที่สร้างความเปลี่ยนแปลงต่อ วงการฮาร์ดคอร์พังก์ เพราะพวกเขาสร้างความเชื่อใหม่และมุ่งมั่นว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับสารเสพติด จากความเชื่อและจุดยืนอันมั่นคงของพวกเขา ซึ่งต่อมาความเชื่อเหล่านี้กลายเป็นปรัชญาที่ดีงามในการดำเนินชีวิตของผู้คนอีกนับไม่ถ้วน

ไมเนอร์เธรท ผู้คิดค้นคำว่า สเตรทเอดจ์

“ผมก็เป็นเหมือนพวกคุณทุกคนนั่นแหละ แต่ผมมีอะไรดี ๆ ให้ทำมากกว่าการมานั่งเล่นยาไปวัน ๆ”

ประโยคที่เรายกมาข้างต้นคือส่วนหนึ่งของเพลง สเตรทเอดจ์ ของวงไมเนอร์เธรท (Minor Threat) ที่ประพันธ์โดยเอียน แมคเคย์ (Ian MacKaye) ในปี ค.ศ.1981 เพื่อแสดงถึงจุดยืนในการใช้ชีวิตที่ปราศจากสารเสพติดของพวกเขา

วงการฮาร์ดคอร์พังก์ก็รู้จักไมเนอร์เธรทในฐานะวงดนตรีที่เป็นสเตรทเอดจ์วงแรกของโลก ตามชื่อเพลงของพวกเขา อาจเป็นเพราะวงไมเนอร์เธรท สามารถสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กับวงการฮาร์ดคอร์พังก์ได้ และพวกเขาก็ไม่ได้เป็นนักดนตรีที่ชอบเสพยาอย่างที่ใครหลายคนเข้าใจผิด หลังจากนั้นก็มีวงดนตรีอีกหลายวงที่ยึดมั่นในอุดมการณ์เดียวกันเกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง รวมระยะเวลาเกือบ 40 ปี

ขอขอบคุณภาพ consequence.net

โมนูเมนต์ เอ็กซ์ วงดนตรี สเตรทเอดจ์ วงเดียวของไทย

ด้านของประเทศไทยเองก็มีวงดนตรี สเตรทเอดจ์ ฮาร์ดคอร์ (Straight Edge Hardcore) อยู่เช่นเดียวกัน และถึงแม้จะเป็นวงเดียวของประเทศไทยที่ยังคงเหลืออยู่ ข้อมูลจากสารคดี ก(ล)างเมือง : Straight Edge Monument X โดย ThaiPBS บอกไว้ว่า โมนูเมนต์ เอ็กซ์ (Monument X) ถือเป็นแนวหน้าสำคัญที่ทำให้สเตรทเอดจ์เป็นที่รู้จักของคนไทยมากยิ่งขึ้น ผ่านอัตลักษณ์ทางเสียงดนตรี ที่ถ่ายทอดวิถีชีวิต และตัวตนของพวกเขาออกมา

เพลงที่ใช้ชื่อเดียวกับวงอย่าง โมนูเมนต์ เอ็กซ์ ที่แสดงถึงพลังของคนคนหนึ่งที่อยากจะลุกขึ้นสู้เพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพราะว่านี่คือชีวิตที่มีเกียรติของเขา และเขาภูมิใจที่ได้เป็นสเตรทเอดจ์

นิเกาะ คัลลิโอ้ มือกีตาร์ลูกครึ่งไทย-ฟินแลนด์ ประจำวงโมนูเมนต์ เอ็กซ์ กล่าวไว้ใน สารคดี ก(ล)างเมือง : Straight Edge Monument X ว่าตัวเขานั้นเป็นสเตรทเอดจ์มาตลอดทั้งชีวิต แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับช่วงชีวิตเด็กหนุ่มวัยคะนอง เพราะทุกคนก็ดื่มเหล้า แต่ตัวเขาเองนั้นก็ไม่ได้อยากจะเป็นเหมือนคนอื่น เขาอยากจะเป็นคนที่เลือกทางเดินในชีวิตให้กับตัวเอง นั่นคือเหตุผลที่ทำให้เลือกเป็นสเตรทเอดจ์ และเขาก็รู้สึกดีใจที่ได้เจอเพื่อนที่ร่วมทางเดินนี้ด้วยกัน

ขอขอบคุณภาพ straightedgeworldwide.com

ความเป็น ‘สเตรทเอดจ์’ กับเสียงดนตรี

ถึงแม้บทเพลงของโมนูเมนต์ เอ็กซ์ จะเน้นต่อต้านการใช้สารเสพติดทุกชนิด เคิ่ล-พรฤกษ์ ชูไทย นักร้องนำของวง กล่าวไว้ใน สารคดี ก(ล)างเมือง : Straight Edge Monument X ว่าสิ่งที่พวกเขาต่อต้านมันเป็นเพียงแค่ทางเลือกของตัวพวกเขาเท่านั้น แต่เขาก็ไม่ได้พยายามจะบอกว่าการกินเหล้าสูบบุหรี่นั้นเป็นเรื่องที่ไม่ดี

“เราแค่เชื่อว่าการเป็นสเตรทเอดจ์นั้นมันทำให้ชีวิตดีขึ้น อยากให้ทุกคนรู้ว่าเราทำดนตรีแบบนี้ เราอยู่ในสังคมแบบนี้ เราเป็นคนแบบนี้ เผื่อวันหนึ่งเราจะได้เจอกับคนที่อยากอยู่ในแนวทางเดียวกัน”

จุดประสงค์ของนักดนตรีที่เรียกตนเองว่าสเตรทเอดจ์ คือการถ่ายทอดความคิด และอุดมการณ์ผ่านทางเสียงดนตรี ถึงแม้เพลงฮาร์ดคอร์พังก์จะให้อารมณ์ความรู้สึกที่รุนแรง และดิบเถื่อน แต่พวกเขาก็สามารถสนุกกับดนตรี สนุกกับการขึ้นแสดงได้อย่างเต็มที่ โดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้สารเสพติดเข้ามาเป็นตัวช่วย

ขอขอบคุณภาพ diyconspiracy.net
ขอขอบคุณภาพ diyconspiracy.net

การใช้ชีวิตในฐานะ ‘สเตรทเอดจ์’

โดยพื้นฐานทั้งหมดแล้ว สเตรทเอดจ์ ก็คือวิถีชีวิตที่สามารถควบคุมตัวเองให้มีสติ และสามารถเติมเต็มความสุขได้ด้วยตัวเอง โดยที่ไม่จำเป็นต้องสูบบุหรี่ ไม่แตะต้องแอลกอฮอล์ทุกชนิด และไม่ใช้สารเสพติดทุกชนิด สำหรับบางคนอาจรวมถึงการไม่ใช้คาแฟอีนและรับประทานอาหารมังสวิรัติอีกด้วย นอกจากพื้นฐานสามข้อสำคัญนี้แล้ว สเตรทเอดจ์ ยังปฏิเสธที่จะมีความสัมพันธ์กับบุคคลที่ไม่ใช่คู่ครองของตัวเอง รวมถึงไม่ยุ่งเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์แบบวันไนท์สแตนด์ (One Night Stand) อีกด้วย

เพราะชีวิตคือการเสพติดดนตรี

การที่ใครสักคนจะกลายเป็นสเตรทเอดจ์ได้ อาจจะฟังดูเป็นเรื่องที่ยาก เพราะธรรมชาติของมนุษย์ทุกคนก็อยากที่จะสนุก อยากที่จะเติมเต็มความสุขให้กับชีวิตอย่างเต็มที่ ทว่าสเตรทเอดจ์ สามารถเลือกได้ว่าจะให้สิ่งใดเข้ามาเป็นความสุขของชีวิต โดยที่ยังคงรักษาจุดยืนของตัวเองไว้

เช่นเดียวกับกลุ่มนักดนตรีฮาร์ดคอร์พังก์ ที่เป็นจุดเริ่มต้นของสเตรทเอดจ์ เพราะสิ่งเสพติดของพวกเขาไม่ใช่เหล้าหรือว่ายา แต่เป็น ‘ดนตรี’ และดนตรีเท่านั้นที่ทำให้พวกเขาเสพติด และสนุกไปกับมันได้ ไม่ต่างจากทุกคนบนโลกใบนี้ ที่ต่างก็อยากจะทำอะไรสักอย่างเพื่อความสุขของตัวเอง

อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าการกินดื่มสังสรรค์ ก็เป็นส่วนหนึ่งของความสุข สำหรับหลายคนหรืออย่างน้อยที่สุดก็ยังเป็นโอกาสที่ทำให้พวกเขาได้เจอกับความสุขของตัวเอง

ผู้เขียนได้ทำแบบสำรวจออนไลน์สอบถามกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ตั้งแต่อายุ 18-25 ปี เกี่ยวกับพฤติกรรมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จำนวน 50 คน พบว่า 41 คน มีพฤติกรรมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คิดเป็นร้อยละ 81 และ 29 คน จากทั้งหมด 41 คน เชื่อว่าการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นจำเป็นสำหรับการเติมเต็มความสุขให้กับชีวิต

โดยกลุ่มตัวอย่างให้เหตุผลไปในทิศทางเดียวกันว่า ก็เพราะการได้ไปดื่มสังสรรค์เลยทำให้พวกเขาได้เจอกับเพื่อน ได้เจอกับสังคมใหม่ในแบบที่พวกเขาไม่เคยเจอมาก่อน นั่นเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ชีวิตของพวกเขามีความสุข

ขณะที่กลุ่มตัวอย่างอีก 12 คนกลับไม่เชื่อว่าการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะสามารถเติมเต็มความสุขให้กับชีวิตได้ โดยบางคนให้เหตุผลว่า ถึงตัวเขานั้นจะดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่นั่นไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ชีวิตของเขามีความสุข เพราะเขาเชื่อว่าชีวิตนั้นยังมีกิจกรรมหลายอย่างที่สามารถยกมาเติมเต็มความสุขให้กับตัวเขาได้มากกว่าการดื่มแอลกอฮอล์

ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิด ถ้าหากชีวิตของใครสักคนจะถูกเติมเต็มด้วยการกินดื่มสังสรรค์ ตราบใดที่สิ่งนั้นยังทำให้คุณสบายใจ และคุณก็พอใจกับมัน เราอยากให้ทุกคนเลือกที่จะเป็นตัวของตัวเอง และมีความสุขกับสิ่งที่ตัวเลือกมากที่สุด

ขอขอบคุณภาพ straightedgeworldwide.com

สิ่งเดียวที่สเตรทเอดจ์ยอม ‘เสพติด’

การเสพของสเตรทเอดจ์ไม่ใช่การเสพติดยา ส่วนการดื่มของสเตรทเอดจ์ไม่ใช่การดื่มเพื่อสังสรรค์ แต่เป็นการเสพ และดื่มด่ำกับทุกความสุขในชีวิต แม้แต่สิ่งเล็กน้อยก็สามารถเป็นความสุขให้กับพวกเขาได้ เชื่อว่าคนที่ไม่ได้เป็นสเตรทเอดจ์ ก็มีสิ่งที่สามารถเติมเต็มความสุขให้กับตัวเองได้นอกเหนือจากการดื่มเหล้าและสูบบุหรี่เช่นกัน

ถ้าหากเรามีความสุขกับทุกช่วงเวลาในชีวิตของเรา บางทีสารเสพติดก็อาจจะไม่จำเป็นสำหรับชีวิตของเราเลยก็ได้ นั่นคือสิ่งที่สามารถอธิบายความเป็นสเตรทเอดจ์ได้ดีและง่ายที่สุด

ไม่ว่าคุณจะเป็นสเตรทเอดจ์หรือไม่ก็ตาม เราอยากให้ทุกคนค้นหาความสุขของตัวเองให้เจอ เพราะความสุขที่แท้จริงของชีวิตคือการที่เรารักในสิ่งที่ตัวเองเป็น และพอใจในทุกก้าวบนเส้นทางชีวิตที่เราเลือกเดิน

Reference & Bibliography

Additional Information

ผลงานชิ้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา CJR311, JR311 Journalistic Writing across Media Section 3421 ภาคการศึกษาที่ 1/2 2563 คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ อาจารย์ที่ปรึกษา ผศ.นันทวิช เหล่าวิชยา

Writer & Graphic

โลกทั้งใบก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งในตัวผม โลกที่ผมสร้างสรรค์ทุกอย่างได้อย่างใจนึก