รอยยิ้ม ความสดใส และท่วงท่าการเดินบนเวทีที่สง่างามของ นางงาม คงเป็นความฝันของหญิงสาวหลายคน นี่คือภาพบนเวทีที่เราได้เห็น แต่ระหว่างทางของการฝึกฝนและพัฒนาตนเองทั้งร่างกายและจิตใจไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย บางครั้งต้องผ่านความเหนื่อย ความท้อแท้ เพื่อที่จะไปให้ถึงรอบสุดท้าย และคอยลุ้นอย่างตื่นเต้นว่ามงจะลงหรือไม่ คุณค่าของการเป็นนางงามนอกจากความสวยแล้ว ยังมีสิ่งที่ทำให้ได้เรียนรู้อีกมากมาย

เราขอพาไปเปิดโลกของนางงามเดินสายประกวด กับ อัส-พิชยา พันธ์ช่อทอง นักศึกษาสาขาวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และการผลิตสื่อสตรีมมิ่ง (Broadcasting and Streaming Media) คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เจ้าของตำแหน่งรองอันดับ 4 Miss Motor Show 2019 ผู้ที่เดินตามความฝันของตัวเองด้วยการเป็นนางงามและเข้าประกวดในหลากหลายเวที มาติดตามเรื่องราวของเธอจากบทสนทนานี้

ก้าวเข้าสู่วงการนางงาม
เรื่องความสวยความงามเป็นสิ่งที่ทางบ้านสนับสนุน อัส หรือ พิชยา เริ่มต้นเล่าให้ฟังว่า จุดเริ่มต้นเริ่มการประกวดมาจากคุณแม่ เพราะคุณแม่เป็นคนที่ชอบการประกวดนางงามมาก และตัวคุณแม่เองเคยประกวดนางงามมาตั้งแต่ตอนที่ตัวเองสาว ๆ แต่ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จมากสักเท่าไร จึงอยากที่จะให้เราได้ลองเข้าประกวด คุณแม่จึงให้เริ่มเดินสายประกวดครั้งแรกตั้งแต่อายุ 17 ปี
การวางเป้าหมายเอาไว้ ทำให้ได้ฝึกฝนตนเอง อัส เล่าต่อเนื่อง เราฝึกฝนตนเองเรื่องบุคลิกภาพทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเดิน การไหว้ การพูด การตอบคำถาม ทัศนคติ การยิ้ม การทำให้ตัวเองดูมีเสน่ห์บนเวที ไม่เพียงแต่ภายนอกที่ต้องดูแล แต่ความเป็นนางงามจะต้องออกมาจากทัศนคติภายในด้วย
เวทีคือพื้นที่แสดงความสามารถ
เวทีการประกวดคือพื้นที่ฝึกฝนตนเอง พิชยาผ่านมาหลายเวทีการประกวดทั้งเล็กและใหญ่ ที่ประทับใจมากที่สุดคือ การประกวด Miss Motor Show 2019 ซึ่งเป็นเวทีใหญ่เวทีแรกที่ประกวดและได้ตำแหน่งรองอันดับ 4 รู้สึกภูมิใจมาก ๆ เพราะไม่คิดว่าจะได้ ผู้เข้าแข่งขันทุกคนเก่งและสวยมาก เราทำอย่างเต็มที่ เข้าร่วมทุกกิจกรรม รอบไฟนอลก็ได้แสดงศักยภาพของตัวเองออกมาอย่างเต็มที่จริง ๆ รู้สึกดีใจมากที่ได้รับตำแหน่งนี้ อัสเล่าให้เราฟังด้วยรอยยิ้มสดใส การประกวดจึงเป็นเหมือนอีกหนึ่งวิชาชีวิต ได้ประสบการณ์ใหม่ทุกครั้งที่ขึ้นเวทีประกวด

แรงขับเคลื่อนที่สำคัญของความฝัน
สิ่งที่ทำให้ประสบความสำเร็จได้ ล้วนประกอบด้วยกำลังใจ พิชยาบอกว่า แรงบันดาลใจสำคัญคือคนรอบตัวที่คอยเชียร์และให้กำลังใจเรา เพราะการที่เราประกวดแล้วประสบความสำเร็จ คนที่ดีใจและมีความสุข ไม่ใช่แค่ตัวเราเอง แต่คือ คุณแม่ พี่เลี้ยง เพื่อน หรือคนอื่น ๆ ที่คอยเชียร์ คอยสนับสนุนเราด้วย เมื่อเราเห็นเขามีความสุข เราก็ดีใจที่ได้ทำให้เขามีความสุขไปด้วย
นอกเหนือจากของรางวัลสิ่งที่ได้มากกว่านั้นคือประสบการณ์ อาจจะเป็นคำตอบที่เราเคยได้ฟังซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่คำว่าประสบการณ์มีความหมายมาก อัสได้รับประสบการณ์ที่ดีมาก ๆ เพราะตัวเองเมื่อก่อนเป็นคนที่ไม่คิดว่าจะมาเดินบนเส้นทางนี้เลย บุคลิกจะตรงข้ามกับคนที่จะเป็นนางงาม จากที่ไม่เคยรักสวยรักงามหรือดูแลตัวเอง ก็ต้องมาเริ่มที่จะดูแลตัวเองให้สวย ให้พร้อมอยู่เสมอ ไม่แปลกใจที่ว่าทำไมผู้เข้าประกวดนางงามทุกคนถึงดูดีตลอดเวลา เพราะเขาต้องดูแลตัวเองอยู่เสมอ ๆ นั่นหมายความว่าต้องมีวินัยนั่นเอง

บริหารจัดการชีวิตอย่างมีสติ
การแบ่งแยกเวลาเรียนกับภาระงานที่ต้องทำเป็นสิ่งที่ท้าทาย แต่อัสก็ใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่าและเป็นประโยชน์อย่างมาก เพราะเวลาที่มีเรียนจะไม่รับงาน คุณแม่บอกเสมอว่าให้เลือกการเรียนไว้ก่อน ส่วนมากเวลาที่จะไปประกวดหรือไปทำงานก็จะไปในวันที่ตัวเองว่างและไม่มีเรียนเลย คนที่สนใจเป็นนางงาม นอกจากจะดูแลตัวเองอยู่เสมอแล้ว ยังต้องบริหารจัดการเวลาให้เป็น
อีกทั้งยังต้องฝึกฝนบุคลิกของตัวเองให้ดีขึ้นในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น การเดิน การพูด ปรับทัศนคติของตัวเองให้ดี เป็นคนมองโลกในแง่ดี ที่สำคัญคือต้องเป็นตัวของตัวเองให้ได้มากที่สุด การเป็นตัวของตัวเองคือสิ่งที่ดีที่สุดในการที่จะเริ่มเดินบนเส้นทางนี้ เพราะฉะนั้นการเป็นนางงามเพียงแค่หน้าตาสวยอย่างเดียวไม่พอ จะต้องฝึกสมาธิ ฝึกสมอง และบุคลิกของตัวเองให้โดดเด่นและมีทัศนคติเชิงบวกอยู่เสมอ

ความฝันสูงสุดในเส้นทางการประกวด
เมื่อมีการแข่งขันย่อมมีคนแพ้และคนชนะ อัสก็เป็นทั้งผู้แพ้และผู้ชนะ ไม่ว่าจะเป็นที่หนึ่ง ที่สอง ที่สามหรือไม่ได้รับตำแหน่ง หญิงสาวคนนี้ก็ผ่านมาหมดแล้ว ส่วนเวทีที่มุ่งมั่นจะไปให้ถึงคือ Miss Universe Thailand เพราะเป็นความฝันของคุณแม่ ท่านอยากให้เราอยู่ในเวทีนี้สักครั้ง เราคิดว่าจะทำความฝันของคุณแม่ให้เป็นจริงให้ได้ ที่จริงไม่ใช่แค่คุณแม่ที่อยากให้เราได้ประกวด เราเองก็อยากไปโชว์ความสามารถของตัวเองในเวทีระดับประเทศเช่นกัน ยิ่งพอเป็นสิ่งที่คุณแม่ปรารถนา เรายิ่งอยากทำให้สำเร็จมากยิ่งขึ้น
การไปให้ถึงฝันนั้นต้องอาศัยองค์ประกอบหลายอย่าง สำคัญที่สุดต้องชนะใจตัวเองให้ได้ก่อน ก่อนหน้านี้เราเคยไม่มั่นใจมาก่อน คิดว่ายังไงตัวเองก็เป็นนางงามไม่ได้ เพราะเราไม่สวย เราไม่เก่งอะไรเลย แต่เราเลือกที่จะก้าวข้ามผ่านความกลัว ความไม่มั่นใจของตัวเอง ก้าวข้ามผ่านมันมา จนทำให้เราได้มายืนในจุดนี้ได้ เพราะที่จริงแค่กล้าก็ชนะแล้ว อย่าพูดว่าตัวเองทำไม่ได้ จนกว่าเราจะลองทำ

นางงามกับความสนใจเรื่องสังคม
คนอาจจะคิดถึงเวทีประกวดนางงามเป็นแค่เรื่องความสวย สิ่งที่มากกว่าความสวยคือความสามารถ การได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ และการมองโลกได้กว้างขึ้น อัสบอกอีกว่า วงการนางงามมีอะไรมากกว่าที่ทุกคนเห็น เราอาจจะเห็นแค่เบื้องหน้าที่นางงามเดินออกมาบนเวทีอย่างสวยงาม แต่ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังมีอะไรมากกว่านั้น ทุกคนต้องพยายามอย่างมากกว่าจะประสบความสำเร็จ
นางงามไม่ได้มีเพียงแค่ความสวยเท่านั้น แต่นางงามยังเป็นตัวแทน เป็นกระบอกเสียงที่จะออกมาพูดเรื่องต่าง ๆ ของสังคม เธอจึงต้องเป็นคนที่ศึกษาหาความรู้ ติดตามข้อมูลข่าวสารอยู่ตลอด เพื่อที่จะสามารถแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นทางสังคมบนเวทีการประกวด ตอบคำถามกรรมการได้อย่างฉะฉาน

อาชีพที่มีคุณค่าทางจิตใจ
การทำสิ่งที่รักอย่างมีคุณค่าทำให้เราภาคภูมิใจในตัวเอง พิชยากล่าวกับเราในช่วงท้ายว่า การประกวดนางงามเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ สร้างชื่อเสียงให้เรา มีคนรู้จักเรา มีคนชื่นชมเรามากยิ่งขึ้น เป็นอาชีพที่มีคุณค่า เพราะในทุกครั้งที่เราได้รับรางวัลมา สิ่งที่สำคัญมากกว่าเงินรางวัล ก็คือตำแหน่งซึ่งมันเป็นคุณค่าทางจิตใจอย่างมาก และเหตุผลที่เลือกเดินบนเส้นทางนี้ก็คือ อยากทำให้คุณแม่ภูมิใจในตัวเรา อยากเห็นคุณแม่ยิ้มได้ในเวลาที่เราประสบความสำเร็จ จึงเลือกที่จะเดินบนเส้นทางนี้ต่อไปจนกว่าจะถึงจุดสูงสุดที่เราคาดหวังไว้

การเห็นคุณค่าของความสวยคือการเชื่อว่าความสวยเป็นสิ่งที่พัฒนาได้ เราขอเอาใจช่วยให้เส้นทางที่ อัส-พิชยา พันธ์ช่อทอง วาดหวังไว้ประสบความสำเร็จในอนาคต เพราะความสวยที่แท้จริงคือความสวยจากภายใน การมีความคิดที่ดี มีความรู้ สนใจเรื่องสังคม สร้างทัศนคติที่ดี และการมีสติในการทำสิ่งต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความสวยที่คงอยู่อย่างยั่งยืนยาวนาน
Additional Information
ผลงานชิ้นนี้